
1. เชื่อใจลูกน้องและมองเห็นศักยภาพ
เมื่อหัวหน้ามองว่า ลูกน้องมีศักยภาพและเชื่อใจลูกน้อง ทำให้ลูกน้องทำงานได้อย่างอิสระ
และสามารถนำความคิดสร้างสรรค์ของตนมาสร้างผลงานได้อย่างเต็มที่ แต่หากหัวหน้าไม่เห็นศักยภาพ
หัวหน้าก็จะไม่ไว้ใจ คอยสั่งตามที่ตัวเองต้องการและไม่ให้ลูกน้องได้มีโอกาสนำเสนอความคิดเห็น
2. พูดแล้ว รั ก ษ า สัจจะ ไม่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา
เราคงเคยได้ยินว่าคำพูดเป็นนายเรา เมื่อพูดออกไปแล้ว ให้เราทำตามสิ่งที่เราพูด ถ้ามีความจำเป็นต้องเปลี่ยนไป
จากที่พูด นานๆ เปลี่ยนคงไม่เป็นไร แต่หากเปลี่ยนบ่อยๆ ลูกน้องจะขาดความเชื่อมั่นและความไว้วางใจต่อหัวหน้า
และกังวลว่าทำไปเดี๋ยวหัวหน้าก็เปลี่ยนใจ ให้แก้ใหม่อีก ทำให้ลูกน้องขาดความกระตือรือร้นในการทำงานได้ค่ะ
3. มีความเห็นอกเห็นใจและใส่ใจผู้อื่น
หากลูกน้องประสบปัญหาชีวิต เช่น สูญเสียคนที่เป็นที่รัก หรือคนที่เขารัก ป่ ว ย หรือเขา ป่ ว ย
หากหัวหน้าไม่เคยถามไถ่ด้วยความใส่ใจ เช่น เป็นอย่างไรบ้าง รู้สึกอย่างไร อยากให้พี่ช่วยอะไรบ้าง เป็นต้น
แล้วเข้ามาคุยแต่เรื่องงาน ก็อาจทำให้ลูกน้องรู้สึกว่าหัวหน้าไม่ใส่ใจเขาในฐานะคนๆ หนึ่ง
ลูกน้องก็จะหมดใจที่จะทำงานให้ค่ะ
4. กล้าตัดสินใจ
บางกรณี ลูกน้องเข้ามาของคำแนะนำหรือให้หัวหน้าตัดสินใจ หากหัวหน้าตัดสินใจไม่ได้ ก็จะทำให้ลูกน้อง
ไม่สามารถทำงานต่อได้ งานไม่คืบหน้า ลูกน้องก็จะเริ่มท้อใจและเบื่อว่างานไม่คืบหน้าและงานไม่สำเร็จเสียที
5. มองภาพใหญ่ ไม่ micro-manage
หัวหน้าที่ดี ควรมีความสามารถในการมองภาพใหญ่กว่าลูกน้อง เห็นว่าสิ่งที่ทำส่งผลดีอย่างไรต่อภาพรวม
และมองเห็นโอกาสในการทำสิ่งนั้นๆ ให้ใหญ่ขึ้น และไม่ micro-manage เกินไป จนลูกน้องต้องเอามาให้ดูทีละขั้นตอน
แล้วพอเจ้านาย approve แล้วค่อยทำต่อ เพราะถ้า micro-manage เกินไป ลูกน้องจะอึดอัด
และทำงานไม่เสร็จเสียที ลูกน้องจะ burn out (หมดแรงกายแรงใจ) ได้ค่ะ
6. ให้โอกาสลูกน้องได้ทำงานที่ท้าทายขึ้น
ทำให้ลูกน้องได้พัฒนาความสามารถ และทักษะเพิ่มขึ้น แทนที่จะทำแต่งานเดิมซ้ำๆ จนเบื่อ
7. มีจริยธรรม ไม่ทำเพื่อผลประโยชน์ของตนเองเป็นหลัก
โดยพื้นฐาน แล้วคนเราเกิดมา เรารู้ว่าอะไรดีอะไรไม่ดี หากหัวหน้าไม่มีจริยธรรม ลูกน้องก็จะรู้สึกอึดอัด
ยิ่งถ้าลูกน้องให้คุณค่ากับเรื่องจริยธรรม และไม่อยากทำในสิ่งไม่ถูกต้อง ก็จะทำให้มีความขัดแย้งระหว่างกันได้
หรือหากลูกน้องทำทั้งๆ ที่ในใจไม่อยากทำ ก็จะรู้สึกอึดอัด
8. ให้โอกาสให้ลูกน้องได้เติบโต
หัวหน้าที่สนับสนุน ให้ลูกน้องเติบโต เช่น ส่งไปอบรมเพิ่ม ส่งเสริม/สนับสนุนให้เรียนเพิ่ม
มอบหมายงานที่ท้าทาย/โปรเจ็คใหม่ หรือโปรโมทเมื่อมีโอกาสที่เหมาะสม จะทำให้ลูกน้องรู้สึกว่า
หัวหน้าหวังดีกับเขาจริงๆ เขาก็จะอยากทำงานให้ดีเลิศ เพื่อตอบแทนความปรารถนาดีของหัวหน้า
9. ชื่นชมและให้กำลังใจลูกน้อง
หากลูกน้องทำงานได้ดี/ตามที่ต้องการ การขอบคุณ เขาหรือการชมในความตั้งใจของเขา
ก็เป็นเหมือนน้ำหล่อเลี้ยงจิตใจ ให้อยากทำงานเพิ่มขึ้น และหากลูกน้องทำงานผิดพลาด/เจอปัญหา อุปสรรค
ก็ให้คำแนะนำและกำลังใจให้เขาเดินหน้าต่อไปได้ เขาจะรู้สึกว่ามีคนที่ support เขาอยู่
10. ให้เครดิตลูกน้อง
ในการนำเสนอ ผลงานให้คนอื่นรับทราบ ก็ควรให้เครดิตและขอบคุณน้องๆ ในทีมต่อหน้าคนอื่นๆ ด้วยใจ
ให้รู้ว่าทุกคนมีส่วนร่วมในผลงานที่ดีนี้ เพราะหัวหน้าไม่สามารถทำงานทุกอย่างเองได้
และลูกน้องก็รับรู้ได้ ว่าหัวหน้าให้เกียรติเรา เห็นคุณค่าของเรา
อ่านแล้วลองไปปรับใช้ดูนะคะ เราสามารถฝึกให้มีคุณสมบัติดีๆ นี้ ไม่ว่าจะมีบทบาทเป็นหัวหน้าหรือไม่ค่ะ
เพราะคุณสมบัติเหล่านี้ ถ้าเรามี ใครๆ ก็รักและอยากช่วยเหลือสนับสนุนค่ะ
ขอขอบคุณ w o r k w i t h p a s s i o n t r a i n i n g