
เป็นหัวหน้าหรือเป็นเจ้านายอย่างเรา ก็ลำบากเวลาจะติเตือนลูกน้องแต่ละทีเวลาที่ได้งานไม่โอเคหรือลูกน้องผิดพลาดเราก็จะต้องพูดตามจริงว่า คำพูดที่เราติเตือนเขาลูกน้องบางคนที่รับฟังและสามารถเอาคำเหล่านั้นไปปรับแก้ไขตัวเองแก้ไขผลงานให้ดีมากขึ้น
และก็อาจจะมี หลาย ๆ บางคนที่อาจจะมองแง่ลบ กับเจ้านายอย่างเราทั้ง ๆที่เราหวังดีใช่ไหมหรือเราอาจจะเหวี่ยง,วีนใส่พวกเขามากจนเกินเหตุไปเยอะ ก็กลายเป็นว่าลูกน้องไม่กล้าคุยไม่กล้าพูดไม่กล้าถามอะไรเรา
ถ้าใครที่อยากเป็นเจ้านายที่ลูกน้องรัก หรือลูกน้องเคารพด้วยใจจริงลองปฏิบัติตามนี้ดูนะคะอาจจะช่วยคุณได้
1. มีความเป็นผู้นำ
ลูกน้องทุกคนก็ต้องการหัวหน้า ที่มีความเป็นผู้นำกันทั้งนั้นแหละไม่จำเป็นต้องมีความเป็นผู้นำสูง แต่ก็ขอให้เป็นคนคอยนำไม่ใช่ที่อะไร ก็จะให้ลูกน้องนำทางหรือเวลาผิดพลาดอะไรก็ลูกน้อง เพราะในเมื่อคุณถูกคัดเลือกให้เป็นหัวหน้างานแล้ว
นั้นแปลว่าคุณก็คือผู้นำของพวกเขาคุณคือคนที่ต้องมีความรับผิดชอบ ลูกน้องที่อยู่ในสังกัดคุณทั้งหมดไม่ได้หมายความว่า ทำผิดแล้วคุณต้องเป็นคนผิดแทนแต่คือว่าคุณต้องดูตามความเหมาะสม เช่นเวลาทำงานคุณพาทำ เวลาพักพาลูกน้องพัก ไม่ใช่ให้ลูกน้องทำแล้ว ตัวคุณพักมันคงดูไม่เหมาะสมสักเท่าไหร่
2. เป็นกลางไม่ลำเอียง
การเป็นหัวหน้านั้นความไม่ลำเอียง ใส่ลูกน้องเป็นคุณสมบัติที่สำคัญมากอยู่ เพราะว่าบางทีเราอาจจะมีลูกน้องที่รัก ของเราอยู่แล้ว แต่เขาอาจจะทำผิดและเราจะมองข้ามไปไม่ได้เพราะว่ายังมีลูกน้องอีกหลายคน
ที่เขาทำผิดแล้วเราก็ตักเตือนไปตลอดมันจะไม่เป็นความยุติธรรม ให้กับลูกน้อง หรืออาจจะให้ลูกน้องส่วนใหญ่ที่ไม่เข้าตาคนหรือที่ไม่เป็นที่รักของคุณนั้นจะรู้สึกไม่โอเครู้สึกไม่ดีกับหัวหน้าแบบคนก็ได้
3. เป็นคนมีเหตุผล
ก่อนที่เราจะดุหรือติเตือน ในเวลาที่งานมันผิดพลาดหรือมีเหตุการณ์อะไรที่เราไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ เราก็ควรที่จะฟังก่อน ทุกครั้งเพราะบางทีมันอาจจะไม่ได้เป็นแบบที่คุณคิดหรือได้ยินมาสิ่งที่สำคัญ
คือเราต้องสอบถามลูกน้องของเรา ก่อนว่ามันเป็นแบบนั้นจริงไหมถ้ามันเป็นจริงเราก็ค่อยจัดการ ตามมาตรฐานของบริษัทไป เพราะบางทีที่ลูกน้องเขาทำแบบนั้นอาจจะมีเหตุผลที่พอฟังขึ้นก็ได้
4. แยกแยะเรื่องงานเรื่องส่วนตัว
บางทีเราอาจจะมีเรื่องที่รู้สึกไม่ดี กับลูกน้องคนนั้นแต่ถ้าเวลาที่มีการต้องร่วมงานด้วยกันหรือเวลาอยู่ในเวลาทำงาน เราก็ควรแยกแยะ ให้ออกเราไม่ควรเอาเรื่องส่วนตัวที่เรารู้สึกไม่ดีต่อกันมาปน
เพราะจะทำให้งานไม่ราบรื่นแล้วยังทำให้เพื่อนร่วมงานคนอื่นหรือลูกน้องคนอื่นรู้สึกอึดอัดไปอีก เป็นสิ่งที่ต้องจำให้ขึ้นใจเลยว่าเราควรแยกแยะให้ออก หรือเราไม่ควรตัดสินใครเพราะว่าเรามีความอคติกับเขาอยู่แล้ว
5. ชื่นชมในบางโอกาส
บางทีเวลาที่งานผ่านหรือถูกใจ ลูกค้าตามที่ลูกค้าต้องการหรือลูกน้องทำตามคำสั่งแล้วผลลัพธ์มันออกมาเป็นที่น่าพอใจ เราก็ควรออกปากชมเขาบ้าง คำชมที่ออกมาจากใจจริงของเรา เล็ก ๆ น้อย ๆพวกเขาก็มีแรงฮึด มีกำลังใจที่จะทำงานให้เราต่อไป
หรือบางที ที่งานอาจจะมีการผิดพลาดช่วงเวลานั้นเขาต้องกลัวเราว่าอยู่แล้ว เราควรเปลี่ยนคำด่าเป็นการให้กำลังใจหรือตักเตือนแต่พอดีก็พอ และถ้ายิ่งถ้าคนนั้น เขาไม่ได้ทำพลาดบ่อย ๆ ก็ควรพูดกับเขาดี ๆ เพราะเขาอาจจะกลัวคุณไปแล้วก็ได้
ขอขอบคุณ i n t r e n d . t r u e i d