
มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ใครก็อย ากเป็นเบอร์หนึ่งของแฟน แต่สิ่งที่ทุกคนมักจะลืมไปก็คือ ในโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน
เบอร์หนึ่งที่เรามั่นใจว่าเป็นของเรามาตลอด สักวันหนึ่งเราก็อาจตกอันดับไปเลยก็ได้ ด้วยหลายปัจจัย หลายสาเหตุ
สถานการณ์มือที่สามเข้ามาแทรกกลาง เป็นปัญหายอดฮิตที่ใครก็รู้สึกรังเกียจ ไม่อย ากให้เกิดขึ้น แต่ถ้ามาคิดดูให้ดีแล้ว จะโทษว่า
แฟนเรารู้เห็นเป็นใจกับมือที่สามก็ไม่ใช่ เราเองก็มีส่วนผิดอยู่บ้าง
และบางทีมือที่สามก็อาจไม่ใช่คนที่ผิดเต็มประตูอย่ างที่คิดเสมอไป
อะไรบ้างที่ทำให้รักที่เราคิดว่ามั่นคงมาตลอด ต้องมีอันจบเพราะอีกคนเดินเข้ามา ลองมาหาคำตอบอย่ างรอบด้านกัน
1 รักเรากำลังแย่ และอีกคนก็มีหลายอย่ างดีกว่าเห็นๆ
ทุกคู่จะมีช่วงเวลาที่เรียกว่า ‘ จุดอิ่มตัว ‘ นั่นก็คือ ช่วงที่เรียนรู้กันมาแทบทุกเรื่องแบบล้วงลึกจนไม่รู้จะค้นหาอะไรต่อแล้ว
ถ้าโชคดีก็จะถือว่าจุดนี้เป็น comfort zone สบายๆ อยู่ด้วยกันไปนานๆ
ราบรื่นกว่าเดิมมากขึ้น ( ประมาณว่าหาจุดสมดุลของชีวิตคู่ได้พอดีละ ) ถ้าโชคร้ า ยก็อาจมีความรู้สึกเบื่อเข้ามาเรื่อยๆ
หนักข้อขึ้นก็กลายเป็นว่าชวนทะเลาะ เพราะเห็นธาตุแท้ในด้านแย่ๆ ของแต่ละคนออกมาหมดแล้ว
ในช่วงจังหวะที่กำลังแย่นี่แหละ ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งบังเอิญไปเจอคนที่ดีกว่า
ก็เป็นไปได้ว่าจะเริ่มโอนอ่อนไปทางคนที่กำลังเข้ามาใหม่ ถ้ายังอย ากจะคบกันอยู่ จงพย าย ามปรับตัว คุยกันให้มากขึ้น
เปิดอกกันให้เคลียร์ไปเลยว่าตรงไหนที่บกพร่องแล้วจะช่วยกันแก้ไข แต่ถ้ารู้สึกไม่ไหว
รู้สึกว่าสู้คนใหม่ไม่ได้ โอกาสที่จะแพ้ให้มือที่สามก็สูงมากขึ้น ( เหลือแค่คนของเราใจอ่อนให้มากๆ ล่ะก็ … ลงล็อคพอดี จบเกม
ก็ในเมื่อคนใหม่เป็นตัวเปรียบเทียบให้เห็นทางเลือกที่ดีกว่า
แล้วคนเก่าทำตัวงี่เง่าอยู่เรื่อยๆ ไม่รู้จักปรับตัว เป็นใครก็ต้องเลือกคนใหม่อย่ างไม่ลังเล )
2 เขาคบเราเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวตั้งแต่แรก
ในกรณีนี้มือที่สามเป็นผู้โชคร้ า ย เพราะนอกจากจะเป็นข้ออ้างที่เขาสรรหามา
ใช้สำหรับการเลิกกัน เธอยังเป็นเหยื่อรายต่อไปจากเราด้วย
ที่ผ่านมาเขาพย าย ามจีบเรา คบเราก็เพื่อหลอกใช้สารพัดอย่ าง
เรียกผลประโยชน์จากความรัก ความหลงของเรา พอรู้ตัวว่าเรากำลังจะรู้ทัน หรือเริ่มอิ่มแล้ว ก็หาทางเขี่ยเราทิ้ง
ซึ่งวิธีที่ไวที่สุดก็คือการไปมีคนอื่น เพื่อจะได้จบความสัมพันธ์ได้ไวขึ้น
ไม่รู้สึกผิด ( โทษเราว่าบกพร่องเอง ให้ไม่พอที่เขาต้องการ หรือไม่ก็โทษคนใหม่ว่ามายั่วเอง แต่ไม่ยักกะโทษตัวเองเลย )
3 เรานิสัยไม่ดีเอง แต่เขาไม่กล้าบอกเราตรงๆ
อาจจะเป็นเพราะที่ผ่านมาเราไม่เคยฟังเหตุผลของเขาเลยสักครั้ง
เขาจึงต้องยอมเราตลอด พอวันหนึ่งไปถูกชะตากับอีกคนเข้า เขาก็เลยสานสัมพันธ์กันเงียบๆ และให้เรามารู้เองในทีหลัง
ในกรณีนี้เขาก็ผิดที่ไม่กล้าเปิดอกพูดจนต้องกลายเป็นคนหลอกลวง
ทรยศหักหลัง แต่เราเองก็ต้องยอมรับผิดด้วยว่าที่ผ่านมาเอาแต่ใจเกินไป ไม่ให้สิทธิ์ ไม่เคารพในเสียงของเขาแม้แต่น้อย
4 เขาศึกษาเราจนหมดทุกอย่ างแล้ว เพิ่งรู้ว่าเรายัง ‘ ไม่ใช่ ‘ สำหรับเขา
ถ้าเปรียบความรักเป็นหนังสือ เราคงเป็นหนังสือเล่มหนึ่งที่เขาอ่ า นจบแล้วไม่อย ากอ่ า นซ้ำ ใช่ว่าเราจะไม่ดีเลย แต่มันเป็นเพราะ
เขาเรียนรู้ไปกับเราแล้วยังไม่รู้สึกว่า เราตอบโจทย์ ‘ ใช่ ‘ สำหรับเขาต่างหาก
พอคนใหม่เข้ามาบังเอิญว่าคลิกกันพอดี อันนี้ก็โทษกันไม่ได้
ในกรณีนี้ส่วนใหญ่มักจะจบลงด้วยดี ( ดีที่สุดในบรรดาเคสมือที่สามทั้งหมดด้วย )
เจรจากันรู้เรื่อง เปิดอกกันไปเลยว่าเป็นเพราะอะไร ยังไง เรารู้สึกผิดหวัง เสียใจได้
แต่ไม่ควรจะแค้นเคืองเขาและคนที่เข้ามาใหม่ ควรภาวนาให้เขาและเธอคบกันนานๆ
จะโอเคกว่า ( การส า ป แ ช่ งไม่ได้ประโยชน์อะไรหรอก ทุกข์ใจเราเปล่าๆ )
คติของกรณีนี้ก็คือ : เราเกิดมาเพื่อเจอกัน รักกัน แต่ไม่ได้เกิดมาเพื่อคู่กัน
5 ทั้งเขาและเราจับมือกันไม่แน่นพอ
ในกรณีนี้ถือว่ามือที่สามแกร่งมากกก ที่สามารถยุแหย่ให้เรากับแฟนเลิกกันได้สำเร็จ
จะโทษว่ามือที่สามเ ล วฝ่ายเดียวก็ไม่ได้ ต้องโทษที่เราทั้งคู่ด้วยที่อ่อนแอพร้อมกัน ถ้าคนหนึ่งอ่อนแอ
แต่อีกคนสามารถเข้มแข็งได้ มันก็ยังพอลุ้นอยู่หรอก แต่นี่ฝ่ายหนึ่งใจร้อน อีกฝ่ายหูเบา
คนนึงใจอ่อนเกินไป อีกคนยอมแพ้ไม่อย ากสู้ รักที่ไม่มีน้ำหนักอย่ างนี้ ก็ต้องยอมรับชะตาก ร ร มหลุดลอยไป
ที่มา : sistacafe