
ใครอย ากมีเงินเก็บบ้าง ยกมือขึ้น? ถ้าอย ากมีเราต้องเลิกพฤติกรร มเคยชินบางอย่าง
ที่ทำให้เงินเก็บจางหายไปค่ะ ไปดูกันเลย
1. ไม่วางแผนการใช้เงิน
เชื่อว่าหลายคนไม่เคยวางแผน การใช้เงินในแต่ละเดือน และไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องทำ
เมื่อมีรายได้จากการทำงาน จะดีกว่าไหมหากเรารู้จักวางแผนการใช้เงินตั้งแต่ต้นเดือน
โดยเริ่มจากการออมก่อน ใช้อย่างน้อย 20% ของรายได้เพื่อให้มีเงินเก็บไว้
ใช้ย ามฉุ กเ ฉิ น ได้เงินมาออมเลยค่ะ
2. ใช้จ่ายเงินเกินตัว
การใช้จ่ายเงินเกินตัวถือเป็นอีกหนึ่งพฤติกรร มที่ทำให้ไม่มีเงินเก็บ หลายคนใช้เงิน
เกินรายได้หรือรายรับที่เข้ามา เช่น ซื้ อ สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ซื้ อ ของใช้แบรนด์เนม
พวกเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า เครื่องสำอาง ชอบไปเที่ยวสังสรรค์ ทานอาห าร นอกบ้าน
ในร้านหรู ๆ หรือชอบดื่มช า กาแฟราคาแพง เป็นต้น ทั้งนี้ก็เพราะต้องการ
การยอมรับในสังคม อันนี้ต้องระมัดระวังนะคะ
3. ใช้บัตร เ ค ร ดิ ตไม่เป็น
บัตร เ ค ร ดิ ต เปรียบเสมือน ด าบ สอง ค ม หากใช้เป็นก็จะเกิดประโยชน์กับเรามากมาย
แต่ถ้าใช้บัตรไม่เป็นก็เป็นตัว บ่ อ น ทำล าย สถานะการเงินของเราได้เช่นกัน
บางคนใช้บัตร เ ค ร ดิ ต รูด ซื้ อ สินค้าตามใจ โดยไม่ได้คิดถึงว่าเมื่อครบกำหนดชำระแล้ว
จะมีเงินไปจ่ายเต็มจำนวน หรือไม่ ซ้ำ ร้ าย กว่านั้นคือ บางคนคิดว่าหากไม่มีเงินจ่ายเต็มจำนวน
ก็ไม่เป็นไร ใช้วิธี ผ่ อ น จ่ายขั้นต่ำ 10% เอาก็ได้ ซึ่งเป็นความคิดที่ผิดค่ะ เพราะเท่ากับว่า
เรายอมเป็นหนี้ และยอมจ่าย ด อก เบี้ยสูงถึง 28% ต่อปี นอกจากจะไม่มีเงินเก็บแล้ว
ยังมีหนี้มาให้ป วด หัวอีกต่างหากนะคะ
4. ไม่มีเป้าหมายในการเก็บเงิน
หลายคนใช้จ่าย เงินไปวันๆ โดยไม่มีเป้าหมายในการเก็บเงิน ไม่รู้ว่าจะต้องเก็บเงินไปทำไม
หรือต้องเก็บเงินเดือนละเท่าไรจึงจะถึงเป้าหมาย เลยไม่คิดที่จะเก็บเงิน หรือเรียกว่า
ไม่มีแรงจูงใจในการเก็บเงินก็ว่าได้ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้เราไม่มีเงินเก็บ
ในทางกลับกันหากเรามี เป้าหมายในการเก็บเงิน เช่น ตั้งใจจะเก็บเงินจำนวน 200,000 บาท
เพื่อเรียนต่อปริญญาโทในอีก 2 ปีข้างหน้า คราวนี้เราก็รู้แล้วว่าจะต้องเก็บเงินไปเพื่ออะไร
ทำให้มีแรงจูงใจ ในการเก็บเงินมากขึ้น และสามารถคำนวณ ได้ว่าต้องเก็บเงินเดือนละเท่าไร
จึงจะมีเงินไปเรียนต่อตามที่ตั้งใจไว้
ขอขอบคุณ w e a l t h i