Home ข้อคิด นิสัย 12 ข้อ ของคนที่จะกลายเป็นเศรษฐี

นิสัย 12 ข้อ ของคนที่จะกลายเป็นเศรษฐี

18 second read
0
0
25

W.Randall Jones เขียนหนังสือ ชื่อ The Richest Man In Town โดยการสัมภาษณ์ และวิเคราะห์คุณสมบัติ นิสัย

แนวความคิด ปรัชญาการใช้ชีวิต และอื่น ๆของคนที่รวยที่สุดในเมืองต่าง ๆ ของอเมริกาจำนวน 100 คน

เขาพบลักษณะร่วมของคนที่ เป็นมหาเศรษฐี 12 ประการ มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง

1. ไม่หาเงินเพื่อเงิน

การทำอย่างนั้นคุณจะไม่ได้เงิน เงินจะมาก็ต่อเมื่อคุณทำในสิ่งที่ถูกต้อง และด้วยวิธีที่ถูกต้อง ทำในสิ่งที่คุณรัก

และมีความหลงใหลที่จะทำ คุณต้องทำในสิ่งที่มีคุณค่าเป็นประโยชน์แล้วเงินจะมาเองมันเป็น ผลพลอยได้

ในมุมของ VI หรือนักลงทุน เน้นคุณค่า ผมคิดว่ามันถูกต้องตรงกัน อย่าลงทุนแบบจ้องหา

หรือหมกมุ่นกับผลตอบแทนเกินไปมีความสุขกับการลงทุน ทำหรือเลือกลงทุนอย่างถูกต้อง เงินจะมาเอง

2. รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร

รู้จุดอ่อน จุดแข็ง ของตัวเอง ที่สำคัญต้องรู้ว่า อะไรคือความสามารถหรือความเชี่ยวชาญที่สุดของตัวเอง

ถ้าคุณคิดว่าต้องไปทำงานทุกวัน นั่นก็ผิดแล้วงานจะไม่ใช่งาน ถ้าคุณทำแล้วมีความสุข

และเป็นสิ่งที่คุณอยากทำ วอเร็น บัฟเฟตต์เคยบอกกับซูซี่อดีตภรรยาที่ล่วงลับไปในตอนที่แต่งงานกันใหม่ ๆ

ว่า เขาจะต้องรวยเหตุผลไม่ใช่เพราะเขาทำงานหนัก หรือมีความเก่งเป็นพิเศษ แต่เป็นเพราะเขาเกิดมา

ด้วยทักษะที่ถูกต้อง ในสถานที่ที่ถูกต้อง และในเวลาที่ถูกต้อง นั่นคือ ทักษะในการจัดสรรเงินทุน หรือก็คือ การลงทุนนั่นเอง

3. เป็นนายของตัวเอง

คุณไม่สามารถรวยได้โดย การทำงานให้คนอื่นเรื่องนี้ ผมคงไม่ต้องอธิบายกับ Value Investor เพราะนักลงทุนนั้น ทุกคนเป็นนายของตัวเอง

4. เ ส พ ติ ด ความทะเยอทะยาน

คนเราทุกคนต่างก็ เ ส พ ติ ด อะไรบางอย่าง หรือหลายอย่างในชีวิต เราติดกาแฟ ติด Internet

ติด เ ห ล้ า ติด เ ซ็ ก ส์ ติดอำนาจ เราต้องคิดว่าติดอะไร แล้วจะเป็นประโยชน์ มหาเศรษฐีบอกว่า

“ไม่มีความมั่งคั่งถ้าไม่มีความทะเยอทะยาน”ทำอะไรสำเร็จแล้วก็ต้องพยายามทำให้สูงขึ้นเรื่อย ๆ

อย่างไรก็ตาม ความทะเยอทะยานนั้น มี ด้านมืด มันอาจทำให้เรามีความมั่นใจ ในตัวเองสูงเกินไป

และเป็น อั น ต ร า ย ความทะเยอทะยานนั้นควรจะมีวัตถุประสงค์ชัดเจน

และเราจะต้องไม่ปล่อยให้มัน อยู่เหนือการควบคุมของเรา

5. ตื่นเช้า มาถึงก่อน เริ่มตั้งแต่อายุน้อย

ในเรื่องของการทำงานทั่วไป และในฐานะของผู้บริหารหรือผู้ประกอบการนั้นผมคิด ว่าต้องทำทั้งสามเรื่อง

แต่ในเรื่องของการลงทุนนั้น ผมคิดว่าการเริ่มตั้งแต่อายุน้อย นั้นเป็นสิ่งที่จะทำให้มีโอกาสประสบความสำเร็จสูง

และเป็นเศรษฐีได้ง่ายที่สุด แนวทางข้อนี้ค่อนข้าง จะต้องสัมพันธ์กับข้อสอง

นั่นคือ ถ้าคุณสามารถค้นพบตัวเองว่าเก่งทางไหนตั้งแต่อายุน้อย ความสำเร็จก็ไม่หนีไปไหน

6. อย่าตั้งเป้าหมาย

ลงมือ ทำให้สำเร็จทีละน้อย เดินหน้าไปทุกวัน เป้าหมายหรือแผนธุรกิจนั้น พอเขียนเสร็จก็ล้าสมัยแล้ว

มหาเศรษฐี บางคนไม่มี Business Plan และไม่ตั้งแม้แต่เป้ายอดขายด้วยซ้ำ ข้อนี้ฟังดูเหลือเชื่อ

ผมคิดว่าเป้าหมายคงอยู่ในใจและเป็นเป้ากว้างๆ ที่จะช่วยบอกทิศทาง พวกเขาเน้นที่การปฏิบัติว่า

ต้องได้ผลมากกว่าการตั้งเป้า แต่ปฏิบัติไม่สำเร็จ นักลงทุนเองก็ควรคิดว่า Execution

หรือการปฏิบัตินั้น สำคัญกว่าเป้าหมายมาก ถ้าเราลงทุนแล้วพอร์ตเราโตขึ้นเรื่อยๆ นี่แหละความสำเร็จ

7. อย่ากลัวความล้มเหลว

ทางเดียว ที่จะประสบความสำเร็จก็คือ กล้าที่จะล้มเหลวและล้มเหลวต่อหน้าสาธารณชนด้วย

ทุกคนจะต้องเคย ล้มเหลวมาบ้าง ไม่มีใครประสบความสำเร็จตลอดโดยที่ไม่มีความล้มเหลวมาคั่น

ถ้าเรากลัวความล้มเหลว เราจะไม่กล้าทำอะไร ว่าที่จริง ไม่มีคำว่าล้มเหลวยกเว้นว่าคุณจะเลิก

การลงทุน นั้นก็เช่นเดียวกัน ไม่มีทางที่คุณจะประสบความสำเร็จตลอด

อย่าเลิกเมื่อขาดทุนหนัก สู้ต่อไป วันหนึ่งเราจะชนะ

8. ทำเลไม่สำคัญ

ทำเลที่ว่า นี้คือสถานที่ ที่คุณอยู่หรือที่ที่คุณทำงาน ไม่ว่าคุณจะอยู่เมืองไหน

คุณสามารถประสบความสำเร็จได้ไม่ต้องย้ายไปอยู่เมืองใหญ่ หรือเมืองธุรกิจหลัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคปัจจุบันที่เรามีเครือข่ายการสื่อ ส า ร ที่ทรงประสิทธิภาพ

ว่าที่จริง บัฟเฟตต์นั้น อยู่ที่เมืองโอมาฮา รัฐเนบราสกา ซึ่งเป็นเมืองทางการเกษตรมา

ตั้งแต่เริ่มธุรกิจลงทุนเมื่อ 50 ปีก่อนที่การสื่อ ส า ร ยังไม่ดีนักแทนที่จะอยู่ที่นิวยอร์ค

หรือบอสตันที่เป็นศูนย์กลางทางการเงินและการลงทุน ผมเองคิดว่านักลงทุนไม่จำเป็น

ต้องอยู่ที่กรุงเทพถึงจะประสบความสำเร็จในการ ลงทุน ว่าที่จริง ยิ่งห่างอาจจะยิ่งดี

9. ยึดมั่นในจรรยาบรรณทางธุรกิจ

นี่เป็นกฎเหล็ก ที่สำคัญที่สุด วอเร็น บัฟเฟตต์ พูดว่า “ชื่อเสียงนั้นใช้เวลา 20 ปีในการสร้าง

แต่ใช้เวลาแค่ 5 นาทีในการ ทำ ล า ย ดังนั้นคุณต้องสำนึกไว้ตลอดเวลา”

10. เน้นที่การขาย

ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนกว่าบางสิ่งบางอย่าง จะถูกขายออกไป นักลงทุนไม่ได้ขายอะไร

แต่ต้องรู้ว่า บริษัทที่เราลงทุนนั้นขายอะไร และการขายเป็นหัวใจของความสำเร็จของบริษัท

และเป็นความสำเร็จของราคาหุ้น ในความรู้สึกของผม ผมคิดว่า VI จำนวนมากชอบดูกำไร

ซึ่งเป็นบรรทัดสุดท้าย แต่ไม่ค่อยดูยอดขายที่เป็นบรรทัดแรกในงบการเงิน

11. ขอยืมไอเดียจากคนที่เก่งที่สุดและคนที่ แ ย่ ที่สุด

การอ่านประวัติและวิธีคิด ของคนที่ยอดเยี่ยมที่สุด

อย่างการลงทุนของ บัฟเฟตต์นั้น ผมคิดว่าไม่มีอะไรมาทดแทนได้

12. ไม่มีวันเกษียณ

การเกษียณ จะทำให้ชีวิต คุณล้มเหลว การเกษียณเป็น อั น ต ร า ย ต่อ สุ ข ภ า พ

การเกษียณเป็น อั น ต ร า ย ต่อความสนุก ในชีวิต อั น ต ร า ย ต่อความมั่งคั่งส่วนตัว

นักลงทุน ไม่มีวันเกษียณ บัฟเฟตต์ และ มังเจอร์ อายุเกือบ 80 ปีแล้วยัง ทำงานทุกวัน

แม้แต่ปีเตอร์ ลินช์ หรือ จอห์น เนฟฟ์ ที่เกษียณจากการบริหารกองทุนรวม

แต่พวกเขาก็ยังบริหารกองทุนส่วนตัวอยู่

ขอขอบคุณ s o f t b a n k t h a i

Load More Related Articles
Load More By wansuk
Load More In ข้อคิด

Check Also

เจ้านาย 8 แบบนี้ ที่ไม่ควรเป็นหัวหน้าคน

1.เจ้านาย ทรงอำนาจ เจ้านายประเภทนี้ จะดีแต่ออกคำสั่ง มักแสดงพฤติกรรม การใช้อำนาจขณะทำงานหร…