ใครที่รู้จักผลงาน วรรณกรร ม อันเลื่องชื่อจากแดนมังกรอย่าง “สามก๊ก” คงพอจะได้ยินกิตติศัพท์ ความฉลาดล้ำลึกจากตัวละครอย่าง “ขงเบ้ง”เคยสงสัยกันบ้างหรือไม่ ว่าเหตุใดคนเก่งสติปัญญาเฉียบแหลม เช่นขงเบ้งนี้ถึงยอมทำงานให้กับเล่าปี่…ซึ่งเป็นผู้นำในแบบ ที่ก้าวสู่ความสำเร็จได้
ก็เพราะคนที่อยู่แวดล้อมรอบกายเป็นหลักในโลกการทำงานจริงนั้น บ่อยครั้งที่เจ้านายหรือหัวหน้าอาจไม่ได้เฉียบแหลมกว่าลูกน้องเสมอไป คล้ายคลึงกับเรื่องราวของเล่าปี่ กับขงเบ้งหรือแม้แต่แม่ทัพที่เกรียงไกรย่อมต้องมีทหารเอกเก่ง ๆ คู่ใจยามรบกับใครก็มักได้รับชัยชนะอยู่เสมอ
เปรียบเหมือนการมีคนเก่ง ๆหรือลูกน้องฝีมือดี อยู่ในองค์กร พวกเขาเหล่านี้นี่แหละที่จะมีบทบาทสำคัญช่วยส่งเสริมการทำงาน ให้เราประสบความสำเร็จได้ ไม่ยากก้าวสู่เส้นชัยได้ตามความมุ่งหวังตั้งใจแทนที่เจ้านายหรือหัวหน้าจะรู้สึกนอยด์หรือกลัวเสียหน้า
เมื่อมีลูกน้อง ที่ทำงานเก่งกว่าให้ลองเปลี่ยนมุมมองเสียใหม่ พลิกสถานการณ์ให้เป็นความท้าทาย แม้ความเชื่อเดิมๆ หรือภาพจำส่วนใหญ่ อาจทำให้เรารู้สึกว่าคนเก่งโดยมากมักมีความมั่นใจและมีความเป็นตัวของตัวเองสูงทำให้ควบคุมบริหารจัดการได้ยาก
สำหรับเรื่องนี้ ก็ไม่ใช่สิ่งที่ต้องกังวลจนเกินไปนัก เพราะบรรดาผู้นำที่ประสบความสำเร็จทั้งหลายล้วนมีกุศโลบาย รับมือจัดการกับลูกน้องเก่ง ๆ ได้ พอจะหยิบยกมาเป็นแนวทางให้สามารถนำไปปรับใช้กันได้ตามความเหมาะสม
1. ใช้คนเก่งให้เป็นประโยชน์
เมื่อมีคนเก่ง อยู่ในทีม จงใช้ข้อได้เปรียบนี้ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด พยายามดึงความสามารถต่าง ๆ ของพวกเขาออกมาใช้ ค้นหาว่าพวกเขามีจุดเด่นในเรื่องใด
อะไรเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องเรียนรู้เพิ่มเติม แล้วท้าทายพวกเขาด้วยการมอบหมายงานที่จะสามารถนำคนเก่งเหล่านี้ไปสู่ความก้าวหน้าในอนาคตได้
2. เรียนรู้จากคนเก่ง
เปลี่ยนการแ ย่ งซีน การแข่งขัน ชิงดีชิงเด่น ให้เป็นการเรียนรู้ร่วมกันหัวใจสำคัญของการบริหาร คือการจัดการคนและกำหนดทิศทางในการทำงานให้ทีมไม่ใช่การแข่งขันประลอง
ความรู้กับลูกน้อง คนเป็นหัวหน้ามีหน้าที่ต้องเอาชนะใจไม่ใช่เอาชนะงาน ดังนั้น ถ้าลูกน้องเก่งกว่า ก็เรียนรู้จากเขา ถามคำถาม และบางครั้งอาจลงมือทำเองบ้างเพื่อจะได้มีโอกาส
สัมผัสกับหน้างานจริง ๆ อย่ามองว่าเป็นเรื่องเสียฟอร์ม เสียการปกครองไม่แน่ว่าการใส่ใจ ถามไถ่เรื่องงานของหัวหน้า ถ้ามาถูกทาง อาจเกิดผลพลอยได้ในเรื่องการสร้างความยอมรับ
และเป็นการกระชับความสัมพันธ์กันอีกทางหนึ่งด้วย
3. ยิ่งไม่รู้ ยิ่งต้องถาม
คนเราไม่ได้เก่งทุกอย่างฉันใด หัวหน้าหรือเจ้านาย ก็ไม่ได้รู้ทุกเรื่องฉันนั้นอย่าติดกับดักความคิดที่ว่าหัวหน้า ต้องเก่งกว่าลูกน้อง เมื่อหัวหน้าถูกลูกน้องถามในเรื่องที่ไม่รู้การพูดตรง ๆ ว่าไม่รู้
แม้ฟังดูง่าย แต่ก็ยากมหาศาลสิ่งที่ช่วยได้มากที่สุดก็คือความกล้าที่จะเผชิญหน้ากับความจริงไม่ใช่สิ่งที่น่าอับอาย เมื่อมีเรื่องที่เราไม่รู้ แต่เป็นทักษะที่ผู้นำทั้งหลายต้องฝึกฝนให้เป็นนิสัยเมื่อไม่รู้ให้ตอบตามตรง
และขอความช่วยเหลือจากคนมี ความรู้ความสามารถอย่ามองว่าเป็นพฤติกรร ม นี้เป็นเรื่องของคนอ่อนแอกลับกันเป็นการแสดงออกถึงความเข้มแข็งอย่างที่สุดเพราะกล้าหาญ
ที่จะยอมรับความจริงในเรื่องที่ไม่รู้หรือทำไม่ได้ หัวหน้าที่ทำเช่นนี้ได้ถือว่าน่าชื่นชมสุด ๆ
4. รู้กว้าง สร้างวิสัยทัศน์
บางครั้งหัวหน้า อาจไม่มีความรู้และความชำนาญในงานระดับปฏิบัติการ อย่างลึกซึ้งเท่าลูกน้อง เพราะไม่ได้อยู่หน้างานอย่างใกล้ชิดทุกวัน
แต่หัวหน้าก็จำเป็นต้องมีความรู้เรื่องอื่น ๆ ที่ลูกน้องไม่รู้ด้วยเช่นกันไม่ว่าจะเป็นวิสัยทัศน์ยาวไกลการวางกลยุทธ์อย่างแยบคาย การตัดสินใจอย่างรอบคอบ
การบริหารจัดการเรื่องต่าง ๆอย่างราบรื่น หรือแม้แต่การแก้ปัญหาอย่างเฉียบคมความรู้แบบกว้าง ๆ นี่แหละที่จะเป็นตัวช่วยเพิ่มมูลค่าของหัวหน้า
และเรียกความศรัทธาจากลูกน้องได้เป็นอย่างดี
5. ให้เครดิต เสริมสร้างกำลังใจ
ให้กำลังใจคนทำงานเก่ง ๆ ด้วยการถ่ายทอด เรื่องราวความสำเร็จในการทำงาน ของพวกเขาให้เพื่อนร่วมงานหรือผู้บริหารคนอื่น ๆ ฟัง
ชื่นชมคนเก่งว่าเป็นคนสำคัญของทีมและขององค์กรโดยรวมไม่ว่าใครก็ต้องรู้สึกดี ทั้งนั้น เมื่อหัวหน้าหรือเจ้านายมองเห็นคุณค่าในตัวเรา
6. ดัน “ดารา”
เปิดโอกาส ให้ลูกน้องเก่ง ๆ ได้เรียนรู้และพัฒนาตนเองอยู่เสมอ เมื่อเห็นโอกาสที่ดีและเหมาะสม ก็ไม่ควรเก็บเขาไว้ที่เดิมจนไม่ได้มีโอกาสเติบโต
ส่งเสริมให้เขาได้มีโอกาสรับผิดชอบ งานใหม่ ๆ ที่ท้าทายและเลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่งได้เติบโตในสายงานขึ้นเป็นลำดับ
7. กำจัดความกลัว สร้างความมั่นใจ
คนทั่ว ๆ ไปย่อมมีความกลัว ในเรื่องต่าง ๆ เป็นธรรมดา ทั้งกลัวไม่เป็นที่รักกลัวไม่ดีพอ กลัวไม่เข้าพวก ฯลฯ ความกลัวเหล่านี้เป็นจุดเริ่มต้นของความไม่มั่นใจ และไม่เป็นตัวของตัวเอง วิธีการรับมือกับความกลัวไม่ใช่เรื่องยากเพียงยอมรับความกลัวด้วยความมั่นใจ แล้วเดินหน้าต่อไป
ให้เตือนตนเองเสมอ ว่าการจ้างและพัฒนาคนที่มีความสามารถเป็นสิ่งที่เจ้านายและหัวหน้าที่ดีควรทำ เพื่อผลดีของทีมและเพื่อประโยชน์สูงสุด ขององค์กรลูกน้องเก่ง ทำให้ประสิทธิภาพ ของทีมดีขึ้นมาก และเป็นประโยชน์ต่อองค์กรถึงตรงนี้
ถ้าอยากมองหาคนเก่ง มาร่วมทำงานด้วย ก็มีตัวช่วยที่ work สุด ๆให้ผู้ประกอบการได้มีโอกาสเฟ้นหาผู้สมัครงานที่มีศักยภาพได้อย่างง่ายแสนง่ายอยากให้องค์กรพัฒนาก้าวหน้า ต้องหาคนที่ใช่มาร่วมทีม ไม่ต้องกลัวลูกน้องเก่งกว่าเพราะยิ่งเก่งก็ยิ่งดีที่สุด แล้วผลดีย่อมตกอยู่กับองค์กรของเรานั่นเอง
ขอขอบคุณ t h.j o b s d b