การออมเงิน ไม่ใช่เรื่องย าก แต่ก็อาจจะไม่ง่ายสำหรับใครหลายๆ คน ใครๆ ต่างก็อย ากมีเงินออมเก็บไว้เป็นจำนวนมาก แต่บางคนคิดยังมีแนวคิดเงินออมคือเงินเหลือ แถมบางเดือนยังไม่เหลือ ได้เก็บอีกต่างหาก แล้วอย่างนี้เราต้องออมเงินแบบไหนถึงจะมีเงินเก็บเยอะๆ ในอนาคต
บทความนี้ เราจะขอแนะนำวิธีการสุดง่าย แม้เป็นคนเก็บเงินไม่เก่งก็สามารถทำได้ เป้าหมายเก็บออมเงิน หลักแสนภายใน 2 ปี ไม่ใช่เรื่องย ากอีกต่อไป ถ้าอย ากรู้ว่าทำอย่างไร
เรามาดูกันเลยว่า ต้องออมเงินแบบไหนดีถึงจะมีเงินหลักแสน!
อย ากมีเงินแสนใน 2 ปี เลือกวิธีออมเงินแบบไหนดี?
แบ่งเก็บเดือนละ 4,500 ไม่มากอย่างที่คิด
อย ากมีเงินแสนนั้น ทำได้ไม่ย ากเลย หากคุณมีวินัยในการเก็บเงินมากพอ ถ้าหากตั้งเป้าหมายไว้ว่า จะมีเงินออม 1 แสนบาทให้ได้ใน 2 ปีนั้น เมื่อลองหารเฉลี่ยดูแล้ว เท่ากับว่าคุณต้องเก็บเงินเดือนละ 4,166 บาท หรือตีเป็นตัวเลขกลมๆ ที่ตัวเลข 4,500 บาทได้ก็จะยิ่งดีมากขึ้นไปอีก
แต่การออมเงินโดย ที่ไม่ได้วางแผนการเงินและจัดสรรการใช้เงิน อาจจะส่งผลกระทบต่อ การใช้ชีวิตประจำวันมากกว่าที่คิด เราขอแนะนำให้คุณสร้างบัญชีรายรับรายจ่าย เพื่อให้เห็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันชัดเจนยิ่งขึ้น และสามารถวางแผนการใช้เงินได้ดี
โดยสามารถทำได้ตามขั้นตอน ถัดไปดังนี้ โดยสามารถทำได้ตามขั้นตอนถัดไปเลยครับ
รายรับ-รายจ่าย ช่วยได้กว่าที่คิด
เมื่อเริ่มคิดว่าจะออมเงิน แบบไหนดี หลายๆ คนก็มักจะมองข้ามบัญชีรายรับ-รายจ่ายไป แต่จริงๆ แล้วนับเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้คุณเห็นค่าใช้จ่ายทั้งหมด ในแต่ละเดือนได้อย่างชัดเจน เพื่อให้คุณสามารถประมาณการใช้เงินในอนาคตได้อย่างชัดเจนบัญชีรายรับ-รายจ่ายที่ดี
ควรแยกออกเป็น 2 ส่วนด้วยกัน ได้แก่ ค่าใช้จ่ายจำเป็น ค่าใช้จ่ายเพื่อความสุข ส่วนตัวค่าใช้จ่ายจำเป็น คือค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต้องจ่าย ในชีวิตประจำวัน ซึ่งค่าใช้จ่ายเหล่านี้สามารถประมาณการได้ค่อนข้างแน่นอน ประกอบไปด้วย
– ค่าเดินทาง (ค่ารถไฟฟ้า ค่ารถ ค่าเรือ)
– ค่าที่พัก (ค่าเช่าห้องพัก)
– ค่างวดผ่อนต่างๆ (ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ผ่อนเครื่องใช้ต่างๆ)
– ค่าอาห าร
– ค่าน้ำ
– ค่าไฟ
– ค่าโทรศัพท์
– ค่าเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน (สบู่ แชมพู โฟมล้างหน้า)
– ค่าใช้จ่ายจำเป็นอื่นๆ (ย า)
ค่าใช้จ่ายเพื่อความสุข ส่วนตัว คือค่าใช้จ่ายจิปาถะต่างๆ ที่ใช้เพื่อตอบสนองความต้องการของตัวเอง อย่างเช่น เสื้อผ้า อาห ารมื้อแพงๆ ขนม หรือใช้สำหรับการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่แน่นอน สามารถลดหรือเพิ่มได้ ยิ่งตัดความต้องการออกมากเท่าไร
คุณก็จะยิ่งมีเงินเก็บมากขึ้นเท่านั่น ซึ่งการทำรายรับ-รายจ่ายในส่วนนี้จะแสดงให้เห็นว่าในแต่ละเดือน นั้นคุณใช้เงินไปมากเท่าใด เพื่อที่จะสามารถคำนวณ ได้ว่าคุณสามารถออมเงินได้มากแค่ไหนจึงจะไม่กระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
นอกจากนี้การทำรายรับ-รายจ่ายยังทำให้เห็นอีก ด้วยว่า ในแต่ละเดือนตัวเองเผลอใช้เงินเกินตัวไปหรือไม่ และสามารถลดค่าใช้จ่ายใดเพื่อให้สามารถมีเงินออมเพิ่มเติมได้บ้างอีกด้วย
มัดมือชกตัวเองด้วยการเก็บก่อนใช้
อีกหนึ่งสาเหตุ ที่ทำให้หลายๆ คนไม่มีเงินออมนั่นก็คือ “ใช้เงินไปก่อน เหลือเท่าไหร่ค่อยนำไปเก็บเป็นเงินออม” ทำให้เผลอใช้เงินกันจนเกินตัว สุดท้ายก็ไม่มีเงินเหลือเก็บเพราะ ฉะนั้น เราขอแนะนำวิธีการออมเงินแบบมัดมือชกให้ตัวเองมีเงินเก็บได้อย่างแน่นอนนั่นก็คือ “เก็บเงินก่อนที่จะใช้”
เมื่อได้เงินเดือนมาปุ๊บ ก็แยกเงินส่วนที่ต้องการจะเก็บเอาไว้ ทันที และใช้เงินเพียงส่วนที่มีอยู่เท่านั้นแต่การจะเก็บก่อนใช้ได้นั้น ก็ต้องทราบให้ดีก่อนนะครับ ว่าในแต่ละเดือนตัวเองมีค่าใช้จ่ายเท่าใด
โดยสามารถตรวจสอบได้ จากการทำรายรับ-รายจ่ายตามที่ได้กล่าวไปในข้างต้นนั่นเองครับ
เลือกแหล่งเก็บเงินที่ดีด้วยบัญชีเงินฝากประจำ
ถ้าต้องเลือกแหล่งเก็บเงิน อื่นๆ นอกเหนือจากบัญชีเงินฝากประจำธรรรมดา จะมีวิธีเก็บออมเงินแบบไหนดีนะ? เราขอแนะนำบัญชีเงินฝากประจำเลย! การนำเงินเข้าบัญชี ฝากประจำนั้น ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับการเก็บออมเงินที่ดีกว่าเก็บไว้ในบัญชีเงินฝากธรรมดา
เนื่องจากให้อัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่า ทั้งยังมัดมื อ ช ก ไม่ให้ผู้ฝากถอนเงินออกไปก่อนกำหนด เป็นการสร้างวินัยในการออมเงินให้กับผู้ฝากอีกด้วยโดย จะมีระยะเวลากำหนดฝากอยู่ที่ประมาณ 1 ปีขึ้นไปแล้วแต่เงื่อนไขของแต่ละธนาคาร
โดยจะให้ผู้ฝากทำการนำเงินเข้าบัญชี ติดต่อกันในทุกๆ เดือนให้ครบตามระยะเวลา โดยแลกกับผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยเงินฝากเมื่อครบกำหนด
หากสามารถแบ่งฝากได้ เดือนละ 4,500 บาทอย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้น ภายในระยะเวลา 2 ปี คุณก็สามารถมีเงินก้อน หลักแสนได้ แถมด้วยดอกเบี้ยอีกจำนวนหนึ่งอีกด้วยสมมติว่าบัญชีเงินฝากประจำที่คุณเลือกให้ดอกเบี้ย 3% ต่อปี
โดยใช้ระยะเวลา 2 ปี ถ้าหากคุณสามารถฝากประจำติดต่อกัน ได้จนครบจำนวน คุณจะมีเงินก้อนมากถึง 112,908 บาทเลยทีเดียว
ขอขอบคุณ t i d l o r
