Home ข้อคิด เปลี่ยน 9 สิ่งนี้ คุณจะมี “การเงินดีขึ้น” ชีวิตจะดีเปลี่ยนไปจากเดิม

เปลี่ยน 9 สิ่งนี้ คุณจะมี “การเงินดีขึ้น” ชีวิตจะดีเปลี่ยนไปจากเดิม

24 second read
0
0
67

1. มองหาลู่ทางทำเงินจากสิ่งที่ไม่ใช่งานประจำ

ถ้าเราทำอะไร แบบเดิมๆ ก็ย่อมได้ผลแบบเดิมๆ ถ้าเราทำงานประจำอย่างเดียว เราก็มีรายได้แหล่งเดียว รายจ่ายก็ fix อยู่แล้ว ถ้าไม่พอ..ก็คือไม่พอต่อไป ถ้าไม่มีเงินเหลือเก็บ..ก็ไม่มีเงินเหลือเก็บต่อไปหลายคนมักเอาเวลายามว่างไปใช้ในทางไม่สร้างสรรค์ ยิ่งถ้าเงินเดือนไม่พอใช้หรือตึงๆ อยู่แล้ว

แต่เอาเวลาที่เหลือไปท่องเที่ยว ดูหนังฟังเพลง ช้อปปิ้งสะสมสิ่งของ ที่ไม่จำเป็น ชีวิตก็ยิ่งติดลบกลับกัน ทำไมเราไม่คิดเยอะๆ ว่าเราจะสามารถใช้เวลาที่เหลือในการสร้างรายได้ช่องทางจากช่องทางอื่นได้อีกหรือไม่ คิดไว้สัก 3-4 ช่องทาง แล้วลงมือทำเลย ไม่ลองไม่รู้ ไม่ทำไม่เห็นผล

2. หมั่นเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ

ไม่มีคนรวย คนไหนใช้ ‘ความรู้เพียงเท่าที่เรียนจบมา’ ไปตลอดชีวิต เจ้าสัวบางท่านจบเพียงแค่ ป.4 แต่พวกเขาเหล่านั้นเรียนรู้จากการทำงาน การสังเกต/จดจำจากผู้ที่ประสบความสำเร็จ มาก่อน แล้วพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลาคนเราควร “รู้บางสิ่งบางอย่างในทุกๆ อย่าง” (รู้กว้าง)

และ “รู้ทุกสิ่งทุกอย่างในบางสิ่งบางอย่าง” (รู้ลึก) คนเรามีความสนใจบางอย่างอยู่แล้ว ก็เรียนรู้เพิ่มเติม ให้ลึกไปเลย แล้วนำมันมาใช้ประโยชน์ เปลี่ยนมันเป็นเงิน (ที่ฝรั่งเรียกว่า monetize หรือ capitalize) ของฟรีก็มีให้เรียนเต็มเว็บไปหมด

ไม่ใช่เวลาหมดไปกับ F a c e b o o k/Y o u T u b e เพื่อการบันเทิงอย่างเดียวถ้ามีเงินลงทุนสักเล็กน้อย ก็ลงทุนกับการเรียนรู้ด้วยการอ่านหนังสือ เข้าฟังสัมมนา (ได้ทั้งความรู้และคอนเน็คชั่น) หรือเรียนออนไลน์

3. ตั้งเป้าหมายทางการเงิน

เราจะไม่มีวันบรรลุ เป้าหมาย ถ้าเราไม่มีเป้าหมาย เช่นกัน เราจะไม่มีวันรู้สึกพอเพียง หรือรู้สึกว่าฐานะการเงินของเราดีขึ้นแล้ว ถ้าเราไม่มีเป้าหมายทางการเงิน

เราควรตั้งเป้าหมายขั้นเล็กๆ ทีละขั้น เพื่อให้แต่ละเป้าหมายเป็น “เป้าหมายที่ทำสำเร็จได้” เพื่อให้มีกำลังใจ และมั่นใจว่าเดินมาถูกทาง อาจจะเริ่มตั้งต้นด้วยการ

– ตั้งเป้าปลดหนี้บัตรเครดิต

– ถัดไปปลดหนี้รถและบ้าน

– ถัดไปมีเงินลงทุนในกองทุนเท่าๆ กันทุกเดือน

– ถัดไปมีเงินก้อนเพื่อเริ่มทำธุรกิจเล็กๆ เป็นต้น

4. ฝึกแก้ปัญหา

‘คนที่ประสบความสำเร็จ ในชีวิต’ มีข้อแตกต่างจาก ‘คนที่ไม่’ อยู่อย่างหนึ่งก็คือ เวลาที่เกิดปัญหาอะไรในชีวิต พวกเขาเลือกที่จะกระโดดใส่มัน แล้วแก้ให้จบ แทนที่จะเอาแต่บ่นคนอื่น หรือโทษว่าเป็นเพราะอย่างนั้น/เป็นเพราะคนนี้ ฯลฯ

การแก้ปัญหาเป็นทักษะสำคัญ ของคนที่ประสบความสำเร็จ เพราะแน่นอนอยู่แล้วว่าชีวิตคนเราต้องประสบปัญหาอยู่บ้างตลอดทาง ถ้ามัวแต่โทษโน่นโทษนี่..ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร ต่อให้ชีวิตไม่มีปัญหาอะไรก็ลองตั้งโจทย์ให้ตัวเองสักสัปดาห์ละครั้ง เช่น

– จะหารายได้ใหม่จากไหนได้บ้าง

– จะลดค่าน้ำค่าไฟในบ้านได้ยังไง

– จะ save ค่าน้ำมันลง 10% ทำไงได้บ้าง

ตั้งโจทย์..แล้วลอง “ฝึกคิด” หาทางออกของปัญหา

มันจะทำให้ ส ม อ ง ของคุณได้ทำงาน มีจินตนาการ เชื่อผมเถอะ..มันจะช่วยคุณในระยะยาว

5. เข้าร้านหนังสือเป็นประจำ

ตั้งเป้า ที่จะอ่านหนังสือจบ 1 เล่มทุกเดือน อย่างน้อยปีหนึ่งคุณก็ได้อะไรใหม่ๆ 12 อย่างแล้ว เดือนละ 1 เล่มเป็นเป้าหมายที่ผมใจดีมากนะครับ บางคนอ่านหนังสือเยอะกว่านี้ ลองเริ่มต้นจากหนังสือในหัวข้อที่ตัวเองสนใจ แต่อย่าหยุดแค่ตรงนั้น ลองอ่านอะไรที่แตกแนวบ้าง

เช่น ชีวประวัติของผู้ที่ประสบความสำเร็จ ในชีวิต เรื่องการเงิน/การลงทุน เรื่องการทำมาค้าขาย เรื่องเทคโนโลยี หัวข้อที่แตกต่างเหล่านี้จะเปิดโลกทัศน์ ให้คุณเห็นว่าชาวบ้านชาวเมืองเขาทำอะไรกันไปถึงไหน ผู้คนกำลังคิดและทำอะไร

อ่านแล้วมอง ในเชิงบวก ไม่ใช่ว่า โอ๊ย..อันนี้ก็มีคนทำแล้ว อันนั้นเราก็ไม่มีความรู้ โห..อย่างนี้ไม่ทันเขาแล้วหละ อย่าคิดอย่างนี้ แต่ให้มองภาพรวม และมองไปข้างหน้าไกลๆ ว่าโลกกำลังเคลื่อนไป ทางไหน จะทำอะไรเราต้องไปดักหน้า ใช้จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ในการคิดนอกกรอบ

ผมใบ้ให้ว่า..คิดในสิ่งที่ช่วยเหลือผู้คน แก้ปัญหาให้คนอื่น เปลี่ยนแปลงวิถีและการดำเนินชีวิตของผู้คนไปในทางที่ดี คิดแบบเป็นผู้ให้..แล้วเราจะได้รับผลดีเองภายหลัง

6. ออกจาก Comfort Zone ของคุณ

คนเรามักเลือก ที่จะทำเฉพาะในสิ่งที่ตนชอบ ถนัด/ทำได้ดี ทำแล้วมีคนแซ่ซ้องสรรเสริญ ทำแล้วเด่นดัง ทำแล้วรู้สึกดี นั่นแหละ..เรียกว่า Comfort Zone อย่างที่บอกไปว่า ถ้าทำอะไรแบบเดิม..ก็ย่อมได้ผลลัพธ์แบบเดิมๆ ถ้าต้องการผลลัพธ์ใหม่ๆ..ก็ต้องทำสิ่งที่แตกต่าง

แต่แน่นอน..การทำสิ่งที่แตกต่าง หรืออะไรที่ใหม่ไปเลย ย่อมไม่ถนัด มีความ เ สี่ ย ง กลัวจะไม่สำเร็จ และความกังวลใจเหล่านี้ย่อมฉุดรั้ง ไม่ให้คนส่วนใหญ่ก้าวออกจาก Comfort Zone ของตัวเอง แต่ถ้าไม่ตัดใจทำและยอมลำบากบ้าง ก็ไม่มีวันที่จะถึงฝั่งฝัน

7. ตรวจสอบสถานะการเงินของตนเองอย่างสม่ำเสมอ

ไม่สำคัญว่า คุณมีรายได้เท่าไหร่ มันสำคัญอยู่ที่ว่าคุณบริหารมันอย่างไร คุณใช้จ่ายเท่าไหร่ มีเหลือเก็บออม/ลงทุนหรือไม่ ผมมีตัวอย่างของผู้บริหารระดับกลางที่เงินเดือนแตะแสน แต่ก็ยังเป็นหนี้ แต่ละเดือนเงินไม่พอใช้ ซึ่งเกิดจากการใช้เงินไม่เป็น โดยทั่วไปคนเราจะหาภาระมาเพิ่มใส่ตัวอย่างอัตโนมัติ

เมื่อมีรายได้มากขึ้น เพราะคนส่วนใหญ่ อยากมีชีวิตที่ดีขึ้น (แน่นอนย่อมมีค่าใช้จ่ายมากขึ้น) ทันทีที่ “สามารถจ่ายได้” ก็จะจ่าย เช่น พอโบนัสออกก็เอาไปถอยรถใหม่ มีวงเงินบัตรเครดิตเพิ่มก็เอาไปผ่อนโทรศัพท์เครื่องใหม่ เป็นต้น

ผมแนะนำว่าให้จดบันทึก ค่าใช้จ่ายทุกรายการในแต่ละเดือน แยกหมวดหมู่ และแยกว่าอะไรเป็นสิ่งจำเป็น/ไม่จำเป็น เราจะเริ่มเห็งิน และเมื่อผ่านขั้นนี้

ให้ตั้งเป้าและติดตามเป้าหมายของ “เงินเก็บและเงินลงทุน” เพื่อให้ฐานะการเงินของเราไปถึงจุดนั้น

8. จัดลำดับความสำคัญของเป้าหมาย

อย่างที่บอกไปแล้วว่า ให้ตั้งเป้าหมายทางการเงินเป็นขั้นๆ แต่เราต้องเรียงให้ถูก เช่น ปลดหนี้ แล้วค่อยไปที่เงินเก็บ และตามด้วยเงินลงทุนในบรรดาหนี้

ก็ต้องเรียงว่าจะปลดอะไรก่อน เช่น ปลดหนี้ที่ดอกเบี้ยสูงสุดก่อน เป็นต้น ใครทำไม่เป็น หรืออยากรู้เรื่องนี้ทั้งหมด ให้ลองหาหนังสืออ่าน เข้าฟังสัมมนา หรือหา ค อ ร์ ส เรียนครับ

9. เริ่มต้นลงทุน และลงทุนอย่างฉลาด

อย่าลงทุนโดยขาดความรู้ ไม่งั้นเงินที่ท่านอุตส่าห์เก็บหอมรอมริบมา อาจสูญสลายหรือด้อยค่าไปในพริบตา น้อยคนที่เคยเรียนเรื่องการลงทุนหรือการบริการจัดการทางการเงินมา คนส่วนใหญ่ไม่รู้ทั้งนั้น

และที่เจ๊งกันก็เพราะเหตุนี้ ดังนั้น ควรลงทุนเล็กน้อย เพื่อความฉลาด กว่าในการลงทุนเรื่องใหญ่ๆ ที่ว่าลงทุนเล็กน้อยก็อย่างเช่น หาโอกาสพูดคุยหรือเรียนรู้จากคนที่ประสบความสำเร็จในการลงทุนมาก่อน

หาหนังสือมาอ่าน (เล่มละสักกี่บาทกัน) หาอ่านตามเน็ตก็ได้ และถ้าจริงจังอยากลงลึก ก็หาสัมมนาหรือ ค อ ร์ ส เรียนเป็นเรื่องเป็นราว

สุดท้ายนี้ ก็ขอให้บทความนี้ เป็นข้อคิด และขอเป็นกำลังใจ ให้ท่านมีฐานะการเงินดีๆ ยิ่งๆ ขึ้นไปนะครับ ท่านไหนที่มีความคิดหรือข้อแนะนำดีๆ

ก็อย่าช้า..เชิญที่ comment ด้านล่างนี้ได้เลย ถือว่าช่วยกัน แ บ่ ง ปั น สร้างสรรสังคมครับ

ขอขอบคุณ t a l a d p a n y a

Load More Related Articles
Load More By wansuk
Load More In ข้อคิด

Check Also

เจ้านาย 8 แบบนี้ ที่ไม่ควรเป็นหัวหน้าคน

1.เจ้านาย ทรงอำนาจ เจ้านายประเภทนี้ จะดีแต่ออกคำสั่ง มักแสดงพฤติกรรม การใช้อำนาจขณะทำงานหร…