Home ข้อคิด 10 เทคนิคการเป็นผู้นำ ให้ลูกน้องชื่นชมและเชื่อถือ

10 เทคนิคการเป็นผู้นำ ให้ลูกน้องชื่นชมและเชื่อถือ

10 second read
0
0
31

1.พร้อมให้เกียรติ ลูกน้องอยู่เสมอ

การเป็นผู้นำไม่จำเป็น ต้องเล่นอยู่ข้างหน้าเสมอไป ทว่าควรผลักดัน ให้ลูกน้องมีโอกาสเติบโตในการทำงานโดยผู้นำ ทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียง เป็นเบื้องหลังในการทำงานก็ย่อมได้

ซึ่งการเป็นเบื้องหลัง จะทำให้เห็นการทำงาน ในภาพรวม มากกว่าเล่นอยู่ข้างหน้า ซึ่งหากมอบหมายให้ลูกน้อง ได้พัฒนาการทำงานอยู่บ่อย ๆผู้นำก็จะมีขุนพลไว้คอยทำงานต่าง ๆ ได้มากขึ้นครับ

2.ผิด รู้จักยอมรับและขอโทษเป็น

การทำงาน ในแต่ละวันย่อมมีโอกาส ตัดสินใจผิดพลาด และหากความผิดพลาดนั้นเกิดจากผู้นำ ควรกล้ายอมรับและขอโทษคงไม่ใช่เรื่องแปลกครับดีกว่าฝืนดันทุรัง

ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าผิดการขอโทษเป็นสิ่งที่อย่างน้อย ทำให้ลูกน้องเห็นว่า ถึงแม้จะเป็นผู้นำ ก็รู้จักพูดขอโทษเป็น และใช้บทเรียนแห่งความผิดพลาดนั้นเป็นเครื่องเตือนสติในการลงมือทำในครั้งต่อไปครับ

3.มีภาวะผู้นำ ใช้ใจก่อนอำนาจที่มี

คิดง่าย ๆ ครับ เราอยากได้สิ่งใด ก็ควรให้สิ่งนั้น ก่อนผู้อื่นเสมอ คนที่เป็นผู้นำที่ดี ต้องรู้จักใช้อำนาจในทางที่ดีมากกว่าใช้อำนาจในทางที่ไม่ได้ ทำให้คนอื่นเสียหาย เสียหน้า เสียใจ เสียความรู้สึก

จากสิ่งที่ผู้นำกระทำ ทว่า หากใช้ใจนำ เป็นกันเองต่อคนรอบข้างแต่ก็พร้อมจริงจัง กับการทำงาน เมื่อถึงเวลาทำงานใครทำดี ก็ชื่นชม ใครทำผิดก็ไม่นิ่งเฉยปล่อยวางแต่รู้จักใช้คำพูดในเชิงบวก

เปิดใจรับฟังข้อคิดเห็นของลูกน้องนั่นล่ะครับ ผู้นำที่มีภาวะผู้นำ

4.มอบหมายงาน ด้วยคำพูดที่สุภาพ

การมอบหมายงาน นั้นมี 2 แบบ คือ ผ่านทางคำพูดและผ่านทางลายลักษณ์อักษร ซึ่งทั้ง 2 แบบนี้ ควรทำไปด้วยกัน โดยเฉพาะคำพูดที่ผู้นำต้องรู้จักมีสติ

ในการมอบหมายงานใช้คำพูดในเชิงที่สร้างสรรค์ มีคำอธิบายที่ชัดเจน และรู้จักยิ้มแย้ม แจ่มใส ถึงแม้สิ่งที่เจอจะมีแต่ปัญหาให้ขบคิด แต่เมื่อมีสติ ทางสว่างย่อมรออยู่ข้างหน้าครับ

5.รู้จัก ก ร ะ ตุ้ น สร้างแรงบันดาลใจต่อลูกน้อง

การทำงานย่อมต้อง มีการประเมินติดตามผล ของการทำงาน ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ ทว่า ผู้นำหลายๆ คน กลับไม่กล้าให้ F e e d b a c k ต่อลูกน้อง เพราะกลัวลูกน้องจะไม่รักไม่ชอบ

โดยเฉพาะหากผลงานของลูกน้องท่านนั้นไม่มีประสิทธิภาพ ดังนั้น ผู้นำต้องเปลี่ยนความคิดก่อนโดยมองเรื่องของงานเป็นหลักใครทำดีชื่นชม สร้างความท้าทายในงานที่ทำ ส่วนใครทำงานผิดพลาดบ่อย ๆ ก็ต้องเรียกมาคุยเป็นการส่วนตัว

และให้คำชี้แนะ สอนงานในสิ่งที่ยังผิดพลาด โดยมีความเชื่อว่า คนทุกคนถึงแม้จะเรียนรู้ไม่เท่ากันแต่ย่อมพัฒนาได้ ถ้าเปิดใจซึ่งผู้นำต้องใช้หลัก จิ ต วิ ท ย า ก ร ะ ตุ้ น เน้นย้ำ สร้างแรงบันดาลใจอยู่บ่อย ๆ ย่อมทำให้ลูกน้องที่ยังผิดพลาด รู้จักปรับเปลี่ยนตนเองจนทำให้การทำงานดีขึ้นแน่นอนครับ

6.รู้จักใช้คนให้เหมาะสมกับงานที่ทำ

การเลือก ใช้ลูกน้อง ให้เหมาะกับงานที่ทำถือว่าเป็นการสร้างแรงจูงใจที่ทำให้ลูกน้องมีความสุขกับงานที่ต้องทำในแต่ละวัน ซึ่งความสุขผมเชื่อ ว่ามีความสำคัญมาก ๆ ครับ เพราะหากมีความสุขในสิ่งที่ทำ ผลลัพธ์ย่อมดีตามแน่นอน ทว่า หากไร้ซึ่งความสุขผลลัพธ์ย่อมออกมาตรงกันข้ามครับ

ดังนั้น ผู้นำควรหมั่นสังเกต ซึ่งที่ลูกน้องทำและวิเคราะห์งานให้ออก มอบหมายงานให้ถูกคนจริตของคน โดยใช้หลักการ DISC ซึ่งเป็นหลักการ อ่ า น ใจคนย่อมช่วยได้แน่นอนครับ

7.รู้จักสร้างบรรยากาศที่ดีในการทำงานร่วมกัน

ความสุขเกิดขึ้นได้ ถ้ามีบรรยากาศที่ดีในห้องทำงาน ซึ่งผู้นำควรหมั่นสร้างวัฒนธรรมในแผนกให้เกิด ความปรองดอง รักใคร่กลมเกลียว ไม่มีการแบ่งพรรค แบ่งพวก ในที่ทำงานโดยผู้นำก็ต้องรู้จักสื่อสารกับทุก ๆ คนอย่างท่าเทียง ไม่เลือกที่รักมักที่ชังโดยอาจสร้างกิจกรรมภายใน

เพื่อสร้างสรรค์บรรยากาศให้สนุก ในการทำงานปราศจากอารมณ์เชิงลบใน ที่ทำงานย่อมทำให้เกิด สุขภ าพ จิตที่ดี เบิกบาน อยากมาทำงานในทุก ๆ วันหรือหากวันไหนงานติดพันไม่เสร็จ ก็สามารถอยู่ช่วยเหลือกันได้อย่างเสร็จสมบูรณ์

8.รู้จักให้เกียรติไปร่วมงานส่วนตัวของลูกน้องบ้าง

การเป็นผู้นำ ไม่จำเป็นต้องใช้เงินในการเลี้ยงดูลูกน้อง ในแต่ละวัน แต่ก็ควรมีน้ำใจต่อลูกน้องหากเป็นงานส่วนตัวที่ลูกน้องเรียนเชิญให้เกียรติไปร่วมงาน

เช่น การบวช งานแต่งงาน ศ พ เป็นต้น ซึ่งในฐานะผู้นำก็ควรให้ความสำคัญ เพื่อแสดงความมีน้ำใจต่อลูกน้อง เพราะการให้ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญ เมื่อให้ก่อน ย่อมมีโอกาสได้รับสิ่งดี ๆ อยู่เสมอครับ

9.ยิ้มง่าย หัวเราะง่าย มีสัมมาคาราวะ เป็นกันเอง

การเป็นผู้นำ บางคนเป็นผู้นำ จากประสบการณ์ ที่ทำงานมานาน บางคนเป็นผู้นำ เพราะมีความเก่งในงาน ซึ่งการเป็นผู้นำ ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบใด ๆ ก็ตาม แต่สิ่งที่สำคัญของการเป็นผู้นำ นั่นคือ การให้เกียรติทุก ๆ คนที่ร่วมกันไม่ว่าจะเป็นทีมตัวเอง และรวมถึงทีมอื่น ๆ

ที่ต้องประสานงานกันดังนั้น การมีสัมมาคาราวะ ต่อคนอื่นนับเป็นสิ่งที่สำคัญ และถือว่าเป็นแบบอย่างที่ดีให้ผู้ตามปฏิบัติตาม โดยเฉพาะการรู้จักทักทายผู้อื่นผ่านการยกมือไหว้คนที่ อาวุโสกว่าการยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่บึ้งตึงต่อคนรอบข้าง สิ่งเหล่านี้ย่อมทำให้การประสานงานเป็นไปอย่างราบรื่นครับ

10.พัฒนาตนเองอยู่เสมอ ทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว

การสอนคนอื่น เป็นสิ่งที่ไม่ง่ายครับ โดยเฉพาะการสอนคนอื่นโดยปราศจากการกระทำเพื่อเป็นแบบอย่าง ให้ลูกน้องเห็นในทุก ๆ วัน ซึ่งคนที่เป็นผู้นำควรใช้หลักการสื่อสาร

ที่ประกอบไปด้วย 3 ส่วนนั่นคือ

การกระทำ = 55 %

น้ำเสียง 38 %

คำพูด 7 %

ในการพัฒนาตนเองก่อนพัฒนาลูกน้อง เพราะหากเราสนใจ ที่ลูกน้องก่อน ลูกน้องย่อมขาดความเชื่อถือจากสิ่งที่เราทำ ทว่า หากเราทำให้เห็นเป็นตัวอย่างในทุก ๆ วัน ทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวย่อมสามารถเปลี่ยนแปลงความคิดของลูกน้องได้อย่างง่ายดาย

เช่น หากอยากสอนให้ลูกน้องมาเช้า ตรงต่อเวลา หรือมาก่อนเวลาอย่างน้อย 30 นาทีผู้นำก็ควรทำให้ลูกน้องเห็นจนชินตา แบบนี้การสอน ย่อมเป็นเรื่องง่าย และไม่ต้องพูดเยอะ ใช้การกระทำเป็นสื่อในการสอน แต่จะใช้การกระทำอย่างเดียวก็คงไม่ได้นะครับควรต้องบอกผ่านคำพูดด้วยน้ำเสียงที่ดี

เป็นกันเองเพื่อเป็นการเน้นย้ำเตือนสติกันบ้างเพราะคนส่วนใหญ่ต้องมีการ ก ร ะ ตุ้ น ในช่วงแรกจนเกิดการเปลี่ยนแปลง ดังนั้น หน้าที่การ ก ร ะ ตุ้ น ก็คงไม่พ้นผู้นำ ที่ต้องแสดงให้ดูในทุก ๆ วันครับการเป็นผู้นำทีมีภาวะผู้นำ ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

หากเราเปิดใจ ใช้ใจก่อนอำนาจรับฟังเสียงของทุก ๆ คนและพร้อมเป็นตัวอย่างที่ดีในทุก ๆ เรื่องทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว เพื่อเปลี่ยนแปลงแนวคิด ให้เป็นบวกในการพัฒนาตนเองพัฒนาการทำงาน และสร้างวิสัยทัศน์ของการเป็นผู้นำ แบบนี้ย่อมได้ใจลูกน้องให้เชื่อชอบและทำตามแน่นอนครับ

ขอขอบคุณ d r f i s h

Load More Related Articles
Load More By wansuk
Load More In ข้อคิด

Check Also

เจ้านาย 8 แบบนี้ ที่ไม่ควรเป็นหัวหน้าคน

1.เจ้านาย ทรงอำนาจ เจ้านายประเภทนี้ จะดีแต่ออกคำสั่ง มักแสดงพฤติกรรม การใช้อำนาจขณะทำงานหร…