1.ช่วยเหลือคนอื่น
นอกจากการทำงาน ตามหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่แล้ว การมีน้ำใจช่วยเหลือคนอื่นในที่ทำงานด้วยกัน
นอกจากจะทำให้ผู้อื่นมองคุณในด้านบวกแล้ว เขายังเชื่อถือในความรักงาน และน้ำใจที่ดีของคุณอีกด้วย
2.อย่าเอาเปรียบคนอื่น
คนเราควรทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุดเสียก่อน จะได้ชื่อว่าน่านับถือก่อนที่จะไปขอให้คนอื่นทำอะไรก็ต้องคิดเรื่องนี้ให้ดีๆ
เพราะการขอความช่วยเหลือบางครั้งคือการเพิ่มงานให้กับอีกฝ่าย ซึ่งถ้าเขาไม่อยู่ในภาวะที่พร้อมแล้วล่ะก็เขาก็จะเริ่มรู้สึกว่าการขอร้อง
นั้นคือการเอาเปรียบพวกเขาได้ง่ายๆ ดังนั้น ตัวเราเองก็สามารถสร้างความน่าเชื่อถือของเรา ให้เกิดขึ้นกับบุคคลรอบข้างได้ไม่ยากค่ะ
ลองนำเอาไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันกันดูนะคะ แล้วชีวิตของคุณก็จะดีขึ้นอย่างแน่นอนค่ะ
3.ไม่เอาเรื่องส่วนตัวมาเกี่ยวเรื่องงาน
หลายๆ ครั้งที่เรามักจะเจอ กับปัญหาเรื่องอคติระหว่างกัน จนทำให้หลายๆ คนไม่เป็นอันทำงาน ประเภทคนนี้ไม่ชอบกับคนนั้น
การใช้อคติในการทำงานใช้หน้าที่ตัวเองในการกลั่นแกล้ง หรือกดดันคนอื่น ซึ่งนั่นจะทำให้ถูกมองว่าไม่ได้ทำงานจริง ๆ
แต่อย่างใด การพยายามทำ ร้ า ย คนอื่นในที่ทำงานผ่านการทำงานจึงเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมเลย
4.มีกาลเทศะและสัมมาคารวะ
เป็นคนที่รู้อะไรควร อะไรไม่ควร และมีสัมมาคารวะ ต่อผู้อาวุโสกว่าทั้งด้านคุณวุฒิและวัยวุฒิเข้าใจและปฏิบัติมารยาทแบบไทย
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าให้คุณละทิ้งความคิดและตัวตนของตนเมื่อเจอข้อขัดแย้งต่าง ๆแต่ขอให้คุณแสดงความคิดเห็นของคุณ
อย่างตรงไปตรงมา แบบมีมารยาทและถูกกาลเทศะ
5.สร้างบุคลิกภาพที่น่าเชื่อถือ
บุคลิกภาพที่น่าเชื่อถือ ทั้งเรื่องภายนอก อย่างเรื่องการแต่งตัว ที่ควรเป็นไปตามระเบียบของงาน สะอาด เป็นระเบียบเรียบร้อย
ภายในคือไม่ควรมีกิริยาวอกแวก พูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดและไม่ทำตัวตามสบายมากจนเกินไป
6.ไม่นินทาผู้อื่น
การนินทาผู้อื่น พูดไม่ดีลับหลัง การพูดถึงคนอื่นในทาง ที่ไม่ดีโดยที่คนที่เราพูดถึงนั้นไม่อยู่ตรงนั้นด้วย
การทำพฤติกรรมแบบนี้ คนที่ฟังเราอาจจะรับฟังอย่างดี แต่ในใจเขาอาจรู้ธาตุแท้และคิดว่า “ขนาดคนอื่นยังโดนนินทา
แสดงว่าเราเองก็คงจะต้องถูกคนนี้นินทากับคนอื่นเช่นกัน” เมื่อรู้แบบนี้แล้ว ความเชื่อถือที่มีต่อคนๆ นี้ก็จะลดลง
7.ไม่เลือกปฏิบัติ
บางคนที่ชอบประจบประแจงเลียแข้งเลียขา เจ้านาย พูดคำหวานๆ กับคนที่มีประโยชน์จะทำให้ผู้อื่น
รวมถึงคนที่คนกำลังประจบด้วยนั้นมองว่าคุณไม่จริงใจ ไม่น่าเชื่อถือคิดแต่เรื่องผลประโยชน์เท่านั้น
ดังนั้นควรทำแต่พองาม และจงทำดีต่อทุกคนอย่างเสมอ กันอย่าเลือกปฏิบัติเป็นเพื่อนกับทุกคนด้วยความจริงใจ
8.กล้ารับผิดชอบ
คนบางประเภท ที่คิดว่าตัวเองถูกเสมอ และมองว่าความผิดพลาดไม่ใช่สาเหตุมาจากตัวเองพยายามหาเหตุผล
โยนความผิดให้ผู้อื่น กระทำเช่นนี้ทำให้หลายๆ คนไม่อยากทำงานด้วยเพราะไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะโดนปัดความรับผิดชอบใส่เมื่อไร
แต่ถ้าเกิดปัญหาอะไรขึ้นมา แล้วเราไม่ได้เอา แต่หาข้ออ้างหรือข้อแก้ตัวแต่ยอมรับยืดอกรับผิดชอบและฟังคำวิจารณ์ต่าง ๆ
อย่างน้อยมันก็ทำให้คนที่ทำงานร่วมกันมองเห็นว่า คุณไม่ได้หนีปัญหาแต่อย่างใด
9.การตรงต่อเวลา/รั ก ษ า เวลา
เรื่องของเวลานั้นถือ ว่ามีความสำคัญมาก การขาดงาน การเข้าประชุมสายการไม่ไปตามนัด การส่งงานล่าช้า เป็นต้น
เรื่องเหล่านี้ล้วนทำให้ตัวเราขาดความน่าเชื่อถือ ยิ่งทำบ่อยเท่าไหร่ ยิ่งมากเท่านั้น การที่คุณไปช้ากว่าคนอื่นที่ได้
นัดหมายกันแล้วนั้น (ไม่ว่าด้วยเหตุอะไรก็ตาม) นั่นหมายถึงการที่เราทำให้อีกฝั่งต้องรอและทำให้อีกฝั่งรู้สึกว่าคุณไม่ได้ให้ความสำคัญ
กับพวกเขาเลยแต่ในทางกลับกัน การที่เราไปตรงต่อเวลา หรือรั ก ษ า เวลาได้ดีก็จะทำให้ใคร ๆ อยากทำงานร่วมกับเรา
เพราะอย่างน้อยในเรื่องพื้นฐานที่สำคัญอย่างเวลานั้น พวกเขาก็สามารถเชื่อใจคุณได้
10.การรั ก ษ า คำพูด
สิ่งที่คนเรามักจะทำก็คือ รับปากไปก่อน แล้วค่อยมาแก้ตัวทีหลังว่าทำไม ถึงทำไม่ได้อย่างที่รับปากไว้พฤติกรรมลักษณะนี้
มีแต่จะทำให้ตัวเราหมดความน่าเชื่อถือลงไปเรื่อย ๆการไม่รั ก ษ า คำพูด พูดอย่างแล้วทำอีกอย่าง
ทำไม่ได้อย่างที่พูดสิ่งนั้นมันก็เหมือนกับการหักหลัง แ ท งข้างหลัง และทำ ล า ย ความคาดหวังของอีกฝ่าย
ดังนั้น คุณต้องคิดให้ถี่ถ้วน ก่อนที่จะพูดอะไรออกไป การได้พูดออกไปก็เหมือนเช่นการให้คำสัญญาถ้าทำได้ก็บอกว่าทำได้
และถ้าอะไรทำไม่ได้ก็บอกว่าทำไม่ได้ อย่าเพียงแต่ทำให้อีกฝั่งพอใจชั่ ว คราวแล้วมาผิดหวังในภายหลังข้อนี้ขอให้ยึดหลักความเป็นจริงเข้าไว้
ขอขอบคุณ n e w s . j o b c u t e