
” เราเลิกกันเถอะ ” คู่รักบางคู่อาจเอ่ยคำนี้ออกมานับร้อยครั้งแต่ครั้งไหนบ้างที่เธอหมายความ
ตามที่พูดจริงๆ!? จากครั้งแรกที่อาจไม่คิดอะไรเมื่อต้องเจอกับเรื่องทะเล า ะ ตะโกนด่าทอ
ไม่เข้าใจกัน ทัศนคติเข้ากันไม่ได้ซ้ำซ า ก ก็เริ่มเกิดรอย ร้ า ว สัญญาณต่างๆ ในชีวิตคู่ทำให้เห็น
ชัดเจนว่า เธอและเขาไปกันไม่รอด และต้องถึงวัน ‘เลิกรา’ อย่ างแน่นอน เออ ท้านักเลิกจริงๆ
เลยแล้วกันมีเหตุผลมากมายที่คนสองคนจะเลิกกัน แต่ไม่ใช่ทุกคนที่เห็น ‘ญาณล่วงหน้า’ว่าไปกัน
ไม่รอดชัวร์ๆ รู้ตัวอีกทีก็เลิกกันแล้ว ถ้าเธอแน่ใจว่าชิวิตคู่เริ่มง่อนแง่นบทความนี้อาจเป็นตัวช่วยที่ดี
เช็คว่าคู่ของเธอมีอาการ 1 ใน 12 ข้อนี้หรือไม่ ( หรือครบทุกข้อ -.- ) เพื่อหาหนทางแก้ไข
ประคับประคองให้จับมือกันต่อไปได้ค่ะถ้าเตรียมตัว เตรียมใจพร้อมแล้วก็เลื่อนลงมาอ่ า นเลย!
1. หงุด ห งิ ด แฟนแม้ในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ
เมื่อก่อนแฟนทำอะไรก็ดู ‘ดีงาม’ ไปซะหมด ท่วงท่าในการเดินการเขียนหนังสือการขยับนิ้วมือไป
มาของเขา แค่เห็นก็ทรมานใจสุดๆ อะไรจะหล่อจะเท่ขนาดนี้แต่ปัจจุบัน…แค่ได้ยินเสียงลมหายใจ
ฟืดฟาดของเขาก็หงุดหงิดได้อีก ไปให้พ้นๆ สายตาได้ไหมไม่สิ ไปให้พ้นจากชีวิตน่าจะดีกว่า
( แฟนได้ยินรีบไปผูกคอใต้ต้นถั่วงอกรัวๆ )แค่เขาเข้ามาอยู่ใกล้ๆ เธอก็แทบจะสะอิดสะเอียน
ผดผื่นคันจนต้องบอกให้เขา ‘ไปให้ไกลๆ’ เป็นไปได้ว่าเธอไม่รู้สึกว่าเขา‘มีเสน่ห์’อีกต่อไปแล้ว
แต่กลายเป็นสิ่งน่ารำคาญอย่ างหนึ่งและนี่แหละจะนำไปสู่การเลิกรา
2. คุยเมื่อไหร่ทะเล า ะ ทุกที
เมื่อก่อนน่ะเหรอ เธออย ากอยู่กับแฟน ‘ตลอดเวลา’ 24 ชั่วโมงยังไงก็ไอเลิฟยูขอตามติดไปทั่ว
ทุกที่ คุยกันได้ทุกเรื่อง คุยจนหลับแล้วตื่นขึ้นมาคุยอีกก็ไม่เบื่ อขอให้ได้อยู่ด้วยกันก็พอแล้ว!
แต่ตอนนี้ ไม่มีอะไรจะคุยด้วยสักนิด ไม่อย ากเล่าอะไรให้ฟังทั้งนั้นแค่ขยับปากยังขี้เกียจเลย!
พอเขาอย ากคุย เธอก็เริ่มหงุดหงิดถ้าไม่ทำเงียบๆ ก็หาเรื่องพูดให้เขาอารมณ์เสียในที่สุดก็ทะเล าะ
กันจนได้! ถ้าเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นซ้ำๆ แปลว่าเธอไม่อย ากมีเขาอยู่ในความสัมพันธ์แล้ว
เตรียมรอวันเลิกได้เลย
3. เถี ย ง กันจากเรื่องเล็กๆ จนบานปลาย
มันอาจจะเริ่ม จากเรื่องเล็กๆ เช่น ‘วันนี้ใครจะล้างจาน’, ‘วันนี้ใครจะจ่ายค่าไอติม’ แต่ไม่มีใคร
ยอมอีกฝ่ายจนบานปลายทะเล า ะ กันใหญ่โต ลามไปถึงลักษณะนิสัย พฤติก ร ร มไม่ดีที่ผ่าน
มาตั้งแต่ชาติที่แล้วแล้วสรุปด้วยคำว่า ‘เป็นอย่ างนี้ไงถึงอย ากเลิก!’บางคู่อาจเก็บอารมณ์
ถ้าอยู่นอกสถานที่แต่พออยู่ในบ้านเท่านั้นแหละใส่ไม่ยั้ง! ทั้งตะโกน กรีดร้อง เ ข วี้ ย ง ปาข้าว
ของ ร้องไห้เสียงดังจนข้างบ้านคิดว่ามีการฆ า ต ก ร ร มตอนนี้การทะเล า ะ ห่างจากประเด็น
หลักไปไกลแล้ว ถ้าอย ากให้จบเธอต้องเลือกระหว่าง ‘ขอโทษ’ หรือ ‘ทำเงียบแล้วปล่อยไป’
แต่ถ้าอย ากเลิก ก็ทำตรงกันข้ามเท่านั้นเอง!
4. ใช้เวลาห่างกัน มากขึ้นเรื่อยๆ
จากที่เคยตัวติดกัน เป็นตังเมก็เริ่มมีปัญหาชีวิต / ภาระหน้าที่ / วิถีชีวิตไม่ตรงกัน ทำให้ใช้เวลา
ห่างกันบ่อยขึ้นเรื่อยๆ อันที่จริงห่างกันบ้างเป็นเรื่องดีเพราะทำให้แต่ละฝ่ายได้ใช้ชีวิตของตัวเอง
เว้นระยะให้คิดถึงกันบ้างแต่ถ้าในใจของเธอกลับไม่อย ากเห็น อย ากคุยกับแฟนติดต่อกันนานๆ
เป็นไปได้ว่าเธอสบายใจกว่าถ้าเขาไม่มายุ่งกับเธอค่ะ! วิธีสังเกตตัวเองง่ายๆ คือ ถ้าเธอรู้สึกว่า
การนัดเจอนัดเดทกับแฟนเป็น ‘หน้าที่’ ที่ต้องทำ ไม่ใช่สิ่งที่ทำตามความรู้สึกหรือหัวใจแปล
ว่าเธอกำลังเบื่อและอาจไปหาคนใหม่ที่ตื่นเต้นกว่าได้ทุกเมื่อ ถ้ายังไม่อย ากปล่อยมือแฟนก็ต้อง
จับเข่าคุยกันแล้วล่ะว่าสาเหตุที่ทำให้เธอเบื่อคืออะไรแล้วแก้ไขมันซะ!
5. อยู่ห่างแฟนแล้ว รู้สึกสบายใจกว่า
เธอเริ่มมีความรู้สึกว่าเธอต้องใส่ ‘หน้ากาก’ ยิ้มแย้ม สดใสร่าเริงตลอดเวลาที่อยู่กับแฟนเพราะ
ต้องคอยซ่อนความรู้สึกจริงๆ เอาไว้นั่นเอง เธอไม่อย ากทะเลาะ มีเรื่อง หรือปิดบังความลับ
บางอย่ างไว้ อันที่จริงอยู่กับคนแปลกหน้าอาจสบายใจกว่าด้วยซ้ำ!จำไว้ว่า อย ากมีเวลาส่วนตัว
กับเพื่อน กับ อย ากอยู่เป็นโสดนั้นต่างกัน คนเราต้องมีระยะห่างบ้างเป็นเรื่องปกติ แต่ในที่สุด
ก็กลับมาหาแฟนแต่ถ้าอย ากอยู่เป็นโสดคือเธอไม่มีเขาในหัวใจอีกแล้ว อย ากตั ดข า ด
ว่าอย่ างนั้นเถอะ ถ้าเริ่มอึดอัดกับสภาพที่เป็นอยู่แปลว่าเธอไม่อย ากใช้สถานะ‘แฟน’กับเขาแล้วล่ะค่ะ
6. คิดถึงแต่ด้านลบ ของแฟน วลาที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน
แทนที่จะคิดถึง อย ากให้เขามาอยู่ด้วยตอนที่ห่างกัน เธอกลับคิดถึงมุมแย่ๆ แง่ร้ า ย แง่ลบ
สิ่งน่ารำคาญทุกเรื่องที่แฟนหนุ่มทำ ถ้าเวลาเดียวที่เธอเลิกคิดเรื่องแย่ๆ คือตอนเขาเอาใจเธอ
แปลว่าเธอเห็นค่าของแฟนแค่ตอนที่เขาทำดีกับเธอแค่นั้นเองมีคำหนึ่งกล่าวว่า ‘ถ้าเธออย าก
รู้ว่าหัวใจตัวเองอยู่ที่ไหนคนแรกที่เธอนึกถึงก็คนนั้นแหละ’ และถ้าในห้วงคำนึงนั้นไม่มีแฟน
หนุ่มของตัวเองอยู่เลย ไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่ เธอไม่ได้รักเขาอีกต่อไปแล้วล่ะค่ะ
7. เธอเอาแต่คิดว่า “ถ้าฉันโสดจะเป็นยังไง”
“ถ้าฉันโสดจะเป็นยังไง ฉันจะเรียนได้เกรดดีมากขึ้นไหม ทำงานแล้วได้เลื่อนขั้นสูงขึ้นหรือเปล่า
หรืออาจจะมีเวลาทำงานอดิเรกที่ชอบมากขึ้น อืม…แล้วถ้าฉันเปลี่ยนแฟนล่ะจะมีความสุขมากขึ้น
หรือเปล่านะ” ถ้าเธอมีความคิดแบบนี้วนเวียนในส ม อ ง จากนานๆ ทีกลับบ่อยครั้งขึ้นเรื่อยๆ
แปลว่าเธออย ากมีชีวิตใหม่ และแน่นอน ไม่มีแฟนของเธอรวมอยู่ในนั้นด้วยอีกต่อไปแล้ว
8. เริ่มวิ พ า ก ษ์ วิ จ า ร ณ์ หาข้อเสียของแฟนมากขึ้นเรื่อยๆ
เจอแฟนทีไรขอให้ได้บ่นว่า ขุดคุ้ย วิพากษ์วิจารณ์ข้อเสียต่างๆ นานา ‘เธอน่าจะทำได้ดีกว่านี้’,
‘ทำไมหาเงินได้แค่นี้เองล่ะ’ อย ากให้เขาหล่อขึ้นมีชื่อเสียงมากขึ้น รวยขึ้น มีความคิดมากขึ้น
เพราะตอนนี้มองยังไงก็ไม่ได้ดั่งใจเธอสักอย่ าง มาตรฐานต่ำกว่าเกณฑ์สุดๆ ถ้าเธอเป็นแบบนี้
แปลว่าเธอไม่ได้มองเขาในฐานะ ‘คนรัก’ แล้ว แต่มองในฐานะ ‘สินค้าที่ต้องปรับปรุง’
ผู้ชายที่โดนพูดกรอกหู ว่าตัวเองต่ำต้อยซ้ำแล้วซ้ำเล่า นานวันความอดทนก็จะหมดลงเขาจะ
เริ่มไม่พอใจและหันมาวิ จ า ร ณ์ เธอบ้าง ในที่สุดก็ทะเล า ะ และเลิกราค่ะ
9. เธอกับแฟนไม่รู้สึกสนิทกันอีกต่อไปแล้ว
เมื่อแรกคบก็ตัวติดกันตลอดปล่อยมือกันเกินสองนาทีไม่ได้ ต้องจับมือกันเดินไปนั่นนี่ตลอด
แต่ตอนนี้ อย่ ามาจับนะ ร้อน เปื้อนเหงื่อ! สำหรับคู่แต่งงานก็ละเลยเรื่องบนเตียงไปโดย
ปริย าย เพราะรู้สึกกระ ด า ก และแปลกๆ ที่ต้องมาสัมผัสร่างกายกัน ก็แค่หอมแก้มกอดยัง
ไม่อย ากทำเลยนี่นาอาการแบบนี้อธิบายได้สั้นๆ ว่า “ไม่รู้สึกสนิทสนมด้วยแล้ว” ไม่มี
อารมณ์จะทำอะไรน่ารัก มุ้งมิ้งด้วยกันอีกต่อไป แค่จะยื่นมือไปสัมผัสก็รังเกียจ ถ้าเธอกำลัง
เจอเหตุการณ์นี้รีบหาต้นตอและแก้ไขโดยด่วนก่อนจะสายเกินไปค่ะ!
10. เริ่มคิดถึง ‘การเลิกรา’ ( หรืออาจวางแผนจะเลิกแล้ว )
‘ห่างกันสักพัก’ อาจช่วยให้ความสัมพันธ์ที่คลอนแคลนดีขึ้น เพราะได้เวลากลับไปคิดทบทวน
สิ่งที่ผ่านมา และอาจกลับมาเข้าใจกันอีกครั้งแต่มันก็คือด า บ สองคม ถ้าไม่กลับมาคืนดีแล้ว
รักกันมากกว่าเดิมก็เลิกกันไปเลย! ซึ่งคู่รักหลายคู่ก็ใช้เหตุผลนี้เป็นการบอกเลิกอย่ างเนียนๆ
นั่นแหละค่ะลองสังเกตตัวเองว่า เมื่อใช้สถานะ ‘ห่าง’ กับแฟนแล้วรู้สึกมีความสุข เป็นอิสระ
มากขึ้นไหม ถ้าใช่ก็ส่อสัญญาณกลายๆ ว่าต่อไปต้องเลิกกันแน่นอน
11. ขุดความผิดของแฟนมาพูดซ้ำๆ ในการทะเล า ะ ทุกครั้ง
นี่ถือเป็นนิสัยที่ไม่ดีเลย! เวลาทะเลาะต้องคอยขุดความผิดของแฟนมาพูดซ้ำซาก บางอย่ าง
จบไปตั้งนานแล้วแต่ก็ยังไม่ยอมลืม ขอให้ได้พูด ได้เถียงแล้วชนะเธอก็สะใจแล้ว แต่ไม่สนใจ
ความรู้สึกของฝ่ายตรงข้ามแม้แต่นิดเดียวเธออาจรู้สึกดี แต่ฝ่ายตรงข้ามจะถูกย้ำเตื อ น เสมอว่า
ไม่ว่าจะขอโทษในความผิดที่ทำสักแค่ไหน เธอก็ไม่เคยให้อภัยเขาเลย! แสดงถึงนิสัยยึดติด
และอาฆาตมาดร้ า ย แน่ล่ะ ไม่มีใครชอบผู้หญิงแบบนี้หรอก… จุดจบไปสู่การเลิกราก็ตาม
มาโดยไม่ต้องสงสัย
12. เธอให้อภัย ความผิดของแฟนไม่ได้
ต่อจากข้อข้างบน เธอไม่ยอมและไม่มีวันให้อภัยความผิดของแฟนได้เลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง
เล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม! แค่เขาลืมล้างจาน ลืมซักผ้า เธอก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟเหมือนเขาไปฆ่ า
ใครต า ย -.- บางคู่ผู้ชายก็ทำความผิดร้ า ยแรงจริงๆ เช่นบังคับเธอให้ออกจากงาน,
ตะคอกใส่เธอเสียงดังด้วยคำพูดหย าบคาย, ทำให้เธออับอายต่อหน้าสาธารณ ช น นึกขึ้นมา
เมื่อไหร่ก็รับไม่ได้ทุกที แล้วเธอจะแบกความทรงจำเหล่านี้ไปตลอดชีวิตงั้นหรือจะมานั่งทบทวน
แล้วหาทางออกร่วมกัน หรือจะแยกทางใครทางมัน เธอเป็นคนตั ด สินใจเองค่ะคู่รักที่กำลังอยู่
ในสถานะ ‘ห่าง’ ต้องมีสัญญาณบ่งบอกเหมือนในบทความนี้บ้างไม่มากก็น้อย เรามั่นใจ!
เพราะแต่ละอาการเป็นความรู้สึกที่สื่อให้เห็นชัดเจนว่า‘เธอไม่รักเขาอีกต่อไปแล้ว’ โดยแสดง
ออกมาผ่านพฤติก ร ร มต่างๆ เช่น ไม่เห็นอยู่ในสายตา, มองเห็นแต่ข้อเสีย,
วิ พ า ก ษ์ วิ จ า ร ณ์ จนเขาเสียความรู้สึก, แค่เห็นหน้าก็หงุดหงิด เป็นต้นถ้าเธอ
เจอสัญญาณเหล่านี้แล้ว มีทางเลือกสองทางคือ กลับมาทบทวนความสัมพันธ์ หรือปล่อย
ให้หลุดมือไปเลย ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับว่าเธอแค่อิ่มตัวกับความรัก หรือเขา ‘ไม่ใช่’ อีกต่อไป
แล้วลองคิดง่ายๆ ว่าถ้าเธอต้องอยู่อย่ างนี้ไปตลอดชีวิต เธอจะทนทุกข์ทรมานหรือเปล่า
ถ้าใช่ก็รีบทางใครทางมัน หาคนใหม่มาทำให้ชีวิตสดใสดีกว่า เพราะคนไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ค่ะ
แต่ถ้าคิดอย่ างไรก็ยังรักก็รีบฟื้นฟูความสัมพันธ์ให้กลับมามีความสุขไวๆ นะคะ
เป็นกำลังใจให้โชคดีค่ะทุกคน
ขอบคุณที่มา sistacafe