
โลกของเราเปลี่ยนไปในทุกๆ วัน แต่ละปีก็มักจะมีเหตุการณ์มากมาย เกิดขึ้นส่งผลต่อคนทำงานและหลายคนก็ตกงาน
ฉะนั้นเราต้องรู้จักรับมือ กับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นเราควรปรับเปลี่ยน ความคิดตัวเองให้พร้อมอยู่เสมออาจารย์ LiKaifu
เคยพูดไว้ว่าอีก 10 ปี ข้างหน้างาน 50% จะถูกแทนที่ด้วย A I ง่ายๆ คือหลายคนอาจจะตกงาน การพัฒนาของ
สังคมสมัยนี้เกิดขึ้นเร็วกว่าที่ เราจินตนาการไว้มากบางครั้ง อาจจะไม่ถึง 10 ปีเลยด้วยซ้ำและใครที่ไม่สามารถเพิ่มมูลค่า
ให้กับความสามารถของตนเองได้ต่อไป ก็จะถูกแทนที่โดยง่าย ถูกบังคับให้ล่ ม ส ล า ย ไปตามเวลาดังนั้นอย่ า
มัวเสียเวลากันอยู่เลย เรามาดูกันว่า คนแบบไหนที่มีแนวโน้มลำบาก และอยู่ย ากในอนาคตมากที่สุด
1. คนที่มองอะไรสั้นๆ แค่สิ่งที่อยู่ตรงหน้า
เมื่อเรียนจบ LiTing กับ TanSisi เข้าไปฝึกงาน ที่บริษัทบัญชีแห่งหนึ่ง เมื่อหมดระยะฝึกงานบริษัทได้เสนอให้ไป
ศึกษางานที่สำนักงานใหญ่ ในฮ่องกง 2 ปี แต่ได้เงิ นเดือนเพียงครึ่งเดียวและไม่มีค่าคอมมิชชั่น LiTing รู้สึกว่า
เ งินเดือนน้อยอีกอย่ า งตนไม่คุ้นเคย กับฮ่องกงจึงไม่สนใจส่วน TanSisi ตั ด สินใจเลือกไปฮ่องกงเพื่อศึกษางาน
แถมยังได้เ งินเดือนช่างเป็นโอกาสที่คุ้มค่านี่คือ ความคิดของเธอเวลาผ่านไป 2 ปี TanSisi กลับมาที่บริษัท
ในฐานะหัวหน้าโครงการร ายได้ 1 ล้านบาทต่อปีส่วน LiTing น่ะ เหรอยังคงทำงานในตำแหน่งเดิม เงิ นเดือน
ไม่ถึง 1 ใน 3 ของTanSisiด้วยซ้ำ ดังนั้นถ้าอย ากประสบความสำเร็จต้องรู้จักมองการณ์ไกล
2. คนที่นอกเหนือจาก 8 ชั่ วโมง แล้วไม่เรียนรู้อะไรเลย
มีเพื่อนคนนึงทำการค้า ระหว่างประเทศทำงานปีแรกมีลูกค้า ชาวสเปนเยอะมากเขาจึงเริ่มเรียนภาษาสเปนทุกวันหลังเลิก
งานวันละ 2 ชั่ วโมงผ่านไป 3 ปี จากความสามารถด้านภาษาเพื่อนคนนี้ เลยมีโอกาสไปร่วมงานนิทรรศการการค้า
ต่างประเทศ แล้วสิ่งที่ได้กลับมาคือลูกค้ารายใหญ่ หลายรายธุรกิจขย ายตัวอย่ า งรวดเร็ว ย่ า งเข้าปีที่ 7 ก็ได้
เปิดบริษัทของตัวเอง สิ่งที่เขาไม่เคยหยุดทำก็คือใช้เวลานอกเหนือจาก 8 ชั่ วโมง เพื่อการเรียนรู้ ยุคสมัยนี้เป็นยุค
แห่งการเรียนรู้ไม่ว่าใครก็จำเป็นต้องเรียนรู้ไปตลอด หากปฏิ เ ส ธ การเรียนรู้ จะทำให้เป็นคนไม่มีอนาคต
3. คนที่ทำงาน ร่วมกับคนอื่นไม่เป็น
บริษัทต่างชาติ มอบเ งินจำนวน 160 บาท ให้แก่ผู้ที่มาสมัครงานกลุ่มหนึ่งเพื่อให้พวกเขาไปหาอะไรกินด้วยกันพอไป
ถึงร้านอาหารกลับพบว่าเงิ นที่พวกเขาได้มามันไม่พอ เพราะพวกเขามีกัน 6 คน แต่อาหารหนึ่งจานราคาอย่ า งต่ำ
ก็ 40 บาท จึงเดินกลับไปที่บริษัทอย่ า งหั ว เ สี ย เมื่อถึงบริษัทประธานรู้เข้าก็ได้พูดว่า “ขอโทษด้วยพวกคุณไม่เหมาะ
กับบริษัทเรา” ร้านอาหารนั้นหากสั่งข้าวเปล่า 6 จานจะเป็นเงิ น 60 บาท เหลือเ งิน อีก 100 บาทสามารถสั่งเป็น
กับข้าวมากินด้วยกันได้ถึง 2 อย่ า ง แต่ว่า ผู้สมัครทั้ง 6 คนกลับคิดว่าตัวเองไม่ได้มาด้วยกัน ไม่เป็นทีมเดียวกัน
ทุกคนต่างคิดถึงแต่ตัวเองแต่ละ คนก็เหมือนอิฐก้อนหนึ่งโยนลงไปบนถนนก็ง่ายที่จะถูกเตะไปมา แต่หากคุณเอาอิฐ
หลายๆ ก้อนมาก่อเป็นผนังก็จะมั่นคงแข็งแรงยิ่งกว่า
4. คนที่ตอบ ส น อ ง ต่อสิ่งใหม่ๆ ได้ช้ากว่าใคร
เมื่อ 2 ปี ก่อน นโยบายลูกคนที่ 2 ถูกประกาศออกมาและคนที่ตอบ ส น อ ง อย่ า งรวดเร็วคว้าโอกาสในการทำ
ธุรกิจไว้ลงทุนในกิจการที่เกี่ยวกับแม่และลูกจนเจริญรุ่งเรือง เมื่อปี 2011 WeChat ถูกเปิดตัวหลายๆ คน กำลังเรียนรู้
ว่าใช้มันอย่ า งไร คนที่มีเซนส์ได้ค้นพบประโยชน์ของแพลทฟอร์มเหล่านี้และเปิดแอคเค้าท์สาธารณะของตนเองเป็น
ที่เรียบร้อยแอ ค เค้าท์ ที่ขึ้นต้นด้วย V ก็คือแอคเค้าท์ที่เริ่มเมื่อสมัยนั้น หลายคนพูดว่าปลาเล็กกินปลาใหญ่ ตอนนี้
ต้องเปลี่ยนว่า “ปลาเร็วกินปลาช้า” สิ่งใหม่ที่มีขึ้นมามันมักมาพร้อมกับโอกาสเสมอ เมื่อโอกาสผ่านไปคนที่ช้าคงไม่มี
ทางได้สัมผัสรับรู้ดังนั้นจงค้นหาและแก้ไขข้อ บ ก พ ร่อ ง ของตัวเองให้ทันท่วงที เพื่อที่จะพัฒนาตัวเองต่อไปใน
ทิศทางที่ดีกว่าเดิมไม่เช่นนั้นคุณจะถูกคนอื่นๆ ทิ้งไว้ข้างหลัง
5. คนที่ไม่เข้าใจ เกี่ยวกับการลงทุนในตัวเอง
เมื่อโทรกลับบ้านแม่มักจะ เ ตื อ น ว่า “อย่ า ใช้เงิ นเปลือง” แต่หากฉันประหยัด 1 ปีเก็บเงิ นได้ 1 แสน,10ปี
เก็บได้ 1 ล้านเนี่ยคือเก่งเหรอ? ในขณะที่ฉันใช้เวลา 10 ปี เก็บเงิ นได้ 1 ล้าน คนอื่นอาจจะใช้เวลาเพียงแค่ปีเดียว
ดังนั้นตอนที่คุณยังเย าว์วัยคุณต้องรู้จักลงทุนกับตัวเอง เงิ นไ ร้ ชี วิ ตแต่คนมีชีวิตหากทุกเดือนคุณเอาเงิ นส่วนหนึ่ง
มาลงทุนกับตัวเองไปเรียน ไปเที่ยว ออกกำลังกายทำให้คุณค่าของตัวเองเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปหลายปี คุณจะพบ
ว่าเงิ นที่คุณใช้ไปกับการพัฒนาตัวเองจะได้คืนกลับมาหลายเท่าเลยล่ะ
ขอบคุณที่มา Verrysmilejung