
1. ได้มาแล้วเก็บก่อน เหลือเท่าไร ให้ใช้ได้แค่นั้น
ขั้นนี้สำคัญมาก ถ้าใช้ก่อนแล้วค่อยเก็บ…ไม่มีทางเหลือไปเก็บแน่นอนค่ะ
แถมคนสมัยนี้ก็ใจอ่อน วินัยอ่อน ถึงเงินสดหมด ก็รูดบัตร
กดเงินจากบัตรกดเงินสดมาใช้ได้อีกเจ้าใจอ่อนนี่แหละค่ะ…
ตัวการที่พาฐานะ ของเราอ่อนยวบลงไปด้วย
แนะนำ ลองเริ่มที่ 5% ของรายได้ที่เข้ากระเป๋า ส่วนเป้าหมาย
คือ 10% ต่อไป หากดัดนิสัยให้รักการเก็บเงินได้แล้ว
ก็ค่อยๆ เพิ่มเปอร์เซ็นต์ให้มากขึ้น แต่ตอนนี้เอาแค่นี้ก่อนเถอะ!
2. เงินเก็บนั้นไซร้..วางไว้ให้ไกลมือ
ในเมื่อเรา เป็นคนที่ไม่ถูกกับเงิน อยู่ใกล้กันแล้วเงินละลาย
แนะนำ เริ่มฝากประจำ แบบหักบัญชีอัตโนมัติ เอาวันที่เดียวกับเงินเดือนออกเลยนะ
อย่าให้เงินถึงมือเราค่ะ แวะไปเก็บก่อนเลย ถึงเมื่อไร มีเรื่องให้ใช้แน่นอน
3. หมั่นชื่นชมความเจริญเติบโตของเงินเก็บ
ข้อนี้แปลกค่ะ หากเราหลับหูหลับตาเก็บเงินได้สัก 3 เดือนขึ้นไป
ลองกลับมาดูเงินในบัญชีอีกที ทีนี้เราจะไม่อยากไปแตะต้องมันเอง
มันเหมือนปลูกต้นไม้ดอกไม้น่ะค่ะ เมื่อมีความงอกงาม
เราก็จะรู้สึกภูมิใจ มีความสุขที่เห็นมันโต ไม่อยากให้มัน ต า ย
แนะนำ ทุก 3 เดือน มาดูเงินเก็บ พร้อมดอกผล วางมือแนบอก ขอบคุณตัวเองที่ทำได้ จงภูมิใจ
4. เวลาจะใช้เงิน ให้คิดว่า…ต้องแลกกับอะไร?
เมื่อกิเลสมาเยือน มือสั่นจนจะลั่นควักจ่าย
หยุดคิดสักนิด เป็นภาพในหัวว่า…จะดีกว่ามั้ย? ถ้าเงินก้อนนี้ไปอยู่กับเงินเก็บ…
ที่เจริญเติบโตอย่างงดงามแล้วคิดต่อสิ ถ้าเงินนี้ไม่จ่ายออกไป เก็บไว้อีก 10 ปีข้างหน้า
ดอกทบต้น ต้นทบดอกเงินก้อนนี้ยังอยู่+โตได้ด้วยดอกเบี้ยหรือผลตอบแทน
โอ๊ย…จะพาลเสียดายไม่อยากใช้ขึ้นมาเองค่ะ
แนะนำ ให้คิด “สคริปต์บทพูด พร้อมภาพประกอบ” อนาคตของเงินเก็บ
หรือสิ่งที่เราจะเก็บเงินไปซื้อจากนั้นเทียบกันค่ะ มือซ้าย…
ของที่จะช้อปปิ้งด้วยอารมณ์ ชั่ ว วู บ มือขวา…เงินเก็บและอนาคตอันงดงาม
5. เมื่อรายได้เพิ่ม ให้เก็บเงินเพิ่มขึ้นทุกครั้ง
เช่น ปีนี้รายได้หรือเงินเดือนเพิ่ม 5% จากเดิมที่เคยเก็บเงินที่ 10% ของเงินเดือน
ให้ลองเพิ่มเป็น 12% นั่นแปลว่า จาก 5% ของรายได้ที่เพิ่มขึ้น แบ่งมาเก็บ 2%
แล้วใช้ชีวิตหรูขึ้นได้อีก 3%หากทำแบบนี้ได้ ยิ่งรายได้มาก เงินเก็บจะยิ่งมาก
แนะนำ ให้คิดไปเลยว่านี่ไม่ใช่เรื่องยาก เราทำได้สบายมาก!
นี่คือวิธีคิดของคนที่จะ “สบายในบั้นปลาย” ชีวิตมีแต่เรื่องดี
ทั้งเงินเก็บที่เพิ่มขึ้นแบบอัตราเร่งให้อุ่นใจ ในขณะเดียวกัน
ก็มีชีวิตที่ดีขึ้น ใช้เงินเพิ่มขึ้นได้แบบมีสติ
จุด ต า ย จุดอ่อนของ “คนเก็บเงินไม่อยู่” รู้ชัด มันคือ…“การอัพเกรดไลฟ์สไตล์” ค่ะ!
หากเราไม่ทำข้อ 5 รายได้เพิ่มเท่าไร ใช้เพิ่มขึ้นเท่านั้น นานวัน เงินเก็บเราจะไม่พอ ย า ไ ส้ ในยามเกษียณค่ะ
เพราะคิดดู… เงินเก็บโตก็จริง แต่รายจ่ายโตเร็วยิ่งกว่า
– อย่าเปลี่ยนรถ เปลี่ยนมือถือ บ่อย
– กิน เที่ยว ให้พอดีตัว อย่ายกระดับ ความหรูทุกปี (ตามที่เห็นชาวบ้านทำ)
ใครจะบอกว่าเราเป็น “คนเก็บเงินไม่อยู่” ยังไง เราก็แก้ความเชื่อแบบนี้ได้
เราแก้ได้แน่นอน…ถ้าเรารักและเห็นแก่ อนาคตตัวเองมากพอ
“เก็บเงิน” น่ะ ไม่ยากค่ะ…ขอแค่เชื่อว่าเราทำได้ และรู้ชัดว่า เราจะทำไปทำไมและทำเพื่อใคร
ขอขอบคุณ a o m m o n e y