Home ข้อคิด “5 ความเชื่อแบบผิดๆ เรื่องเงิน” ที่มักทำให้คุณไม่รวยสักที

“5 ความเชื่อแบบผิดๆ เรื่องเงิน” ที่มักทำให้คุณไม่รวยสักที

4 second read
0
0
1,263

เชื่อหรือไม่ ว่าความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับเรื่องการเงินนำพาให้ผู้คนเข้าสู่ความยากลำบากในการจัดการ การเงินของตนเอง หลายคนรายได้ต่อเดือนเยอะ แต่ปรากฎว่าไม่เคยเหลือเก็บ

แถมเป็นหนี้เพิ่มอีก ขณะที่บางคนเงินเดือนต่อเดือนน้อยแต่กลับมีเงินเก็บเป็นกอบเป็นกำ แถมยังใช้ชีวิตได้อย่างสบาย ๆเมื่อเป็นเช่นนี้ เรามาทำความเข้าใจกับความเชื่อผิดๆ ทางการเงินกันดีกว่า

เพราะถึงแม้ว่าคุณจะอยู่ในสภาวะยากลำบากทางการเงินแค่ไหน แต่ถ้ารู้ต้นเหตุของปัญหาและเริ่มจัดการให้เข้าที่เข้าทางโอกาสรอด ในภาวะวิกฤตของนั้นมีอย่างแน่นอน

1. ค่าใช้จ่ายเล็กๆที่กลายเป็นเงินก้อนใหญ่

คนที่มีฐานะร่ำรวย ส่วนใหญ่ จะยอมเสียค่าใช้จ่ายเล็ก ๆ น้อย ๆ เพียงแค่ครั้งเดียว เอาแบบเข้าใจง่าย ๆ คือ คนที่มีเงินและหาเงินได้เก่ง นั้นจะไม่ยอมเสียเงินหลักสิบบาทไปกับของที่ไม่จำเป็นอาทิเช่น คุณยอมจ่ายค่ากาแฟทุกเช้าโดยให้เหตุผลกับตัวเองว่าแก้วละ 50 บาทเอง

หรือยอมจ่ายเงินดูหนังผ่านแอพ เพราะคิดว่าเรื่องละ 100 บาทเอง แต่เชื่อไหมนี่คือค่าใช้จ่ายเล็กที่รวมแล้วเป็นเงินก้อนใหญ่ และคุณมักจะแปลกใจเสมอเมื่อถึงเวลาสิ้นเดือนว่าเงินคุณหายไปไหนคำนวณง่าย ๆ ถ้าคุณซื้อกาแฟดื่มทุกวัน วันละ 50 บาท 20 วันของการทำงานคิดเป็นเงิน 1,000 บาท

ขณะที่คุณบอกว่าขอดูหนังผ่านแอพฯ ทุกสุดสัปดาห์ เรื่องละ 100 บาทเอง และหนึ่งเดือนมีสี่สัปดาห์ รวมแล้วเป็นเงิน 400 บาท เท่ากับว่าคุณจ่ายเงินกับสิ่งที่คุณคิดว่าเป็นเงินนิด ๆ หน่อย ๆ ไปเดือนละ 1,400 บาทลองมองหารายจ่ายแบบนี้รอบตัวคุณดูว่า มีอะไรลด ละ เลิก ได้บ้างไหม

และเอาเงินเหล่านั้นมาเพิ่มเป็นยอดเงินฝาก น่าจะทำให้คุณมีบัญชีตัวแดงน้อยลง

2.ค่าบริการที่ไม่จำเป็นแบบรายเดือน

เอาเข้าจริงแล้ว สิ่งที่คนเราต้องการ นั้นมีเพียงแค่ปัจจัย 4 จริง ๆ คือ อาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม และ ย า รั ก ษ า โ ร ค เมื่อมีของเหล่านี้ครบแล้ว สิ่งที่เหลือ ก็เป็นของที่มากเกินจำเป็น หรือเป็นของที่อยากได้ตามจริตตนเอง ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกสตรีมมิ่งทีวี สตรีมมิ่งเพลง สมาชิกฟิตเนส หล่านี้คุณต้องจ่ายเงินรายเดือน

ปีแล้วปีเล่า แต่คุณได้ใช้จริงเท่าไร และคุ้มค่าหรือไม่เมื่อเป็นแบบนี้ คงต้องถึงเวลาสำรวจการใช้จ่ายที่ไม่เคยหยุดจ่ายได้เลย และ หันมาเก็บรวบรวมเงินเหล่านั้นไว้ในบัญชีเงินฝาก เช่นเดียวกับรายจ่ายเล็กๆน้อยๆ ที่ไม่ได้จำเป็นต่อชีวิตในข้อแรก

3. ใช้ชีวิตอยู่กับการใช้เงินในอนาคต

ทุกวันนี้การใช้เครดิตการ์ด เพื่อซื้อของที่อยากได้ โดยไม่ยั้งคิดกลายเป็นเรื่องปกติ และหลายคนใช้วิธีจ่ายขั้นต่ำ โดยที่ไม่ได้รู้ว่า ดอกเบี้ยจากบัตรเครดิต ที่คุณจ่ายขั้นต่ำนั้นวิ่งไล่ตามหลังเป็นเงาที่น่ากลัวขนาดไหนดังนั้น การหยุดใช้บัตรเครดิต เคลียร์หนี้บัตรเครดิตเสียให้หมด จะเป็นทางรอดที่จะทำให้สถานการณ์การเงินของคุณดีขึ้น

ขอให้จำไว้เสมอว่าการใช้ชีวิตด้วยการใช้บัตรเครดิต คือการใช้เงินที่คุณหามาได้นั่นแหละ และถ้ายังทำต่อไปโดยไม่หยุดยั้งคิด คุณจะไม่มีเงินเหลือเก็บเลยไม่แต่บาทเดียว

4. เปลี่ยนรถใหม่เป็นประจำ

ทุกวันนี้ใคร ๆ ก็ซื้อรถได้ เพราะไฟแนนซ์ ให้คุณจ่ายได้แม้แต่ผ่อนดาวน์ มีคนจำนวนน้อยมากที่สามารถซื้อรถโดยใช้เงินสด และคนส่วนใหญ่ใช้มักจะผ่อนระยะยาวมากกว่า ในปัจจุบันผ่อนกันยาวถึง 84 เดือนหรือ 7 ปี เพราะพวกเขาเห็นว่าดอกเบี้ยรถนั้นมีเปอร์เซน์คงที่

แถมไฟแนนซ์ยังคำนวนยอด ที่เท่ากันมาให้ดูทุกเดือน ทำให้ยอดนั้นดูไม่สูงมากนัก แต่ถ้าคำนวณดี ๆ คนที่ตัดสินใจเลือกผ่อนรถยาวขนาด 84 เดือน ก็เท่ากับการซื้อรถในราคาที่แพงกว่าราคารถเกือบสองเท่าตัว

ดังนั้น การซื้อรถจึงต้องคำนวณ ความจำเป็นของการใช้งานของตนเองด้วย เพราะรถหนึ่งคันมาพร้อมกับค่าน้ำมัน ค่าบำรุงรักษา ประกันภัย ซึ่งล้วนแล้วเป็นค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ทั้งสิ้น

5. หมดเงินไปกับบ้านมากเกินไป

เมื่อถึง ช่วงอายุหนึ่ง หลายคนจะตัดสินใจซื้อบ้าน และ ส่วนใหญ่มักมองบ้านหลังใหญ่ มีพื้นที่เยอะแม้จะอยู่ชานเมือง หากแต่ไม่ได้มองว่าการ ใช้งานจริงนั้นมีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหน และมองว่าการซื้อบ้านคือการลงทุนเลยตัดสินใจซื้อหลังใหญ่ ๆ ไปเลย

ซึ่งหมายถึงการผ่อนต่อเดือนที่อาจจะเกิน 50 เปอร์เซ็นต์ของรายรับ ถามว่าดีไหม คำตอบคือดีแน่ถ้าคุณมั่นใจ ว่างานที่ทำอยู่จะมั่นคง และหน้าที่การงานของคุณ นั้นมีโอกาสก้าวหน้าต่อไปในอีก 10 ปีข้างหน้าเพราะเมื่อคุณซื้อบ้านหนึ่งหลัง นั่นหมายความว่า คุณต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่ตามมากับบ้าน

ไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าส่วนกลาง ค่าบำรุงรักษาบ้าน รวมไปถึงดอกเบี้ยบ้านที่วิ่งไล่ตามคุณทุกปี และไม่นับรวมการซื้อบ้านหลังใหญ่ชานเมือง โดยที่คุณต้องเดินทางเข้าเมืองเพื่อมาทำงาน ทำให้เวลาอยู่ที่ออฟฟิศของคุณ มากกว่าเวลานอนอยู่กับบ้าน หรือต้องเสียค่าเดินทางเป็นเงินจำนวนมาก

ดังนั้น การเลือกขนาดของบ้าน หรือที่อยู่อาศัย ให้เหมาะสมกับการใช้ชีวิต รวมไปถึงการคำนวณค่าเดินทาง จะทำให้คุณเห็นความเป็นจริงว่าจะต้องใช้พื้นที่เท่าไร และทำอย่างไรให้ผ่อนบ้านโดย ที่คุณไม่เดือดร้อน แม้ว่าชีวิตต้องเจอกับมรสุมทางการเงินก็ตาม

ขอขอบคุณ t o n k i t 3 6 0

Load More Related Articles
Load More By wansuk
Load More In ข้อคิด

Check Also

เจ้านาย 8 แบบนี้ ที่ไม่ควรเป็นหัวหน้าคน

1.เจ้านาย ทรงอำนาจ เจ้านายประเภทนี้ จะดีแต่ออกคำสั่ง มักแสดงพฤติกรรม การใช้อำนาจขณะทำงานหร…