
แม้หน้าที่การหาเงิน ไม่ใช่หน้าที่ของเด็ก แต่คุณพ่อคุณแม่ก็ต้องสอนลูกเรื่องคุณค่าของเงินค่ะ ยิ่งเศรษฐกิจทุกวันนี้ อาหารการกิน ของใช้ ของเล่น การศึกษา
สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ แพงขึ้นทุกวัน พ่อแม่ต้องสอนให้ลูก ใช้เงินเป็นและรู้จักการออมเงินตั้งแต่วัยเด็กค่ะ
6 วิธี สอนลูกรู้จักออม
1. ทำบัญชีรายรับรายจ่าย
การทำบัญชีรายรับรายจ่ายจะช่วยให้เด็กรู้ว่า เงินค่าขนมที่ได้รับในแต่ละวันถูกใช้จ่ายไปกับอะไรบ้าง เช่น ค่าขนม ค่าอาหาร หรือค่าเดินทาง หากเงินที่ได้รับในแต่ละวัน ไม่พอใช้จ่าย
บัญชีรายรับรายจ่ายจะช่วยให้ทราบว่า ควรปรับลด ค่าใช้จ่ายส่วนใด เพื่อให้เงินค่าขนมที่ได้รับในแต่ละวันเพียงพอกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น
2. ออมก่อนใช้
เมื่อได้รับเงินค่าขนม เด็กๆ มักจะใช้เงินที่มีจนหมด และไม่เหลือเก็บออม การสอนให้ลูกออมเงิน เพื่อเป้าหมายต่างๆ เป็นสิ่งที่ช่วยปลูกฝังนิสัยรักการออมของลูกได้ ยกตัวอย่างเช่น หากลูกอยากได้จักรยานราคา 1,500 บาทพ่อแม่ควรสอนให้ลูกออมเงิน
โดยวิธีการออม ที่จะช่วยให้ไปถึงเป้าหมายได้เร็วขึ้นคือ การตั้งเป้าหมายและออมก่อนใช้ เช่น ลูกได้รับเงินค่าขนมสัปดาห์ละ 300 บาท การหักเงินเพื่อออม สำหรับค่าจักรยาน ก่อนใช้จ่ายสัปดาห์ละ 30 บาท
จะช่วยให้ลูกสามารถออม เพื่อจักรยานได้ภายใน 1 ปี ซึ่งจะทำให้เขารู้สึกภาคภูมิใจกับของที่ซื้อได้ด้วยเงินเก็บของตัวเอง
3. ซื้อเฉพาะสิ่งของที่จำเป็น
บ่อยครั้งที่พ่อแม่มักใจอ่อน เมื่อลูกร้องขอให้ซื้อของเล่นที่ตนอยากได้ การซื้อของเล่นให้เป็นประจำ จะทำให้ลูกไม่รู้จักค่าของเงิน และอาจสร้างนิสัยใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ให้เกิดขึ้นเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่การปฏิเสธคำขอร้องให้ซื้อของเล่นและอธิบายถึงการใช้เงินในการซื้อของที่จำเป็น
จะช่วยสร้างนิสัยที่ดี ในการใช้จ่ายเงิน นอกจากนี้ พ่อแม่ยังสามารถให้ของเล่นเป็นรางวัลให้กับลูก ในการทำความดีต่างๆ เช่น สอบได้คะแนนดี หรือช่วยทำงานบ้าน เพื่อให้ลูกรู้จักถึงคุณค่าของการทำความดีและรู้ถึงคุณค่าของของเล่นที่ได้รับ
4. อย่าซื้อสินค้าเพราะของแถม
สติ๊กเกอร์ ของเล่น หรือตุ๊กตา ของแถมเหล่านี้ มักล่อใจให้เด็กๆ ซื้อขนมเกินความจำเป็น บางคนถึงขนาด ทิ้งขนมเพื่อเอาแต่ของแถมเลย ก็มีพ่อแม่จึงควรสอนให้ลูกอย่าซื้อขนม เพื่อของแถม เพราะเป็นการใช้จ่ายเงินที่สิ้นเปลือง
โดยควรเก็บเงิน ที่จะซื้อขนมพ่วงของแถมมาออมเพื่อซื้อของเล่นชิ้นใหญ่จะดีกว่า นอกจากนี้ควรสอนลูกให้เลือกซื้อ ของที่มีคุณภาพ เช่นของเล่นบางอย่างควรเลือกที่วัสดุที่ดี ได้มาตรฐาน เพราะของเล่นที่ไม่มีคุณภาพ นอกจากจะพังง่าย แล้วยังทำให้สิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ
5. รู้จักการซื้อของแบบปลีกและส่ง
เทคนิคในการเลือกซื้อ ของอย่างง่ายๆ ที่พ่อแม่สามารถแนะนำให้ลูกทำได้คือ การซื้อของแบบหลายชิ้นหรือยกโหล จะได้ราคาต่อชิ้น ที่ถูกกว่าการซื้อแบบชิ้นเดียว โดยเทคนิคนี้จะใช้ได้ดีกับสินค้าที่เราใช้เป็นประจำเป็นจำนวนมากเช่น ดินสอ สมุด เป็นต้น
สมมติ ดินสอราคาแท่งละ 5 บาท ซื้อยกโหล จะได้ราคาโหลละ 50 บาท หากใช้ดินสอเดือนละ 5 แท่ง พ่อแม่ควรซื้อแบบยกโหล เพราะใช้เพียง 2 เดือนครึ่ง ดินสอ 1 โหลก็จะหมดไปและจะช่วยให้ประหยัดเงินได้ โหลละ 10 บาท
อย่างไรก็ดี ของบางอย่างก็ไม่จำเป็นต้องซื้อยกโหลเพราะมีอายุการใช้งาน ที่นาน เช่น ยางลบหรือไม้บรรทัด การซื้อแบบยกโหลอาจทำให้ซื้อ ของมามากเกินความจำเป็นได้
6. แ บ่ ง ปั น ให้กับผู้ ด้ อ ย โ อ ก า ส
เมื่อเด็กๆ เติบโตขึ้น มักจะมีของเล่นที่ไม่ใช้แล้ว การนำของเล่นเหล่านี้ไป บ ริ จ า ค ให้กับผู้ ด้ อ ย โ อ ก า ส เช่น สถานเลี้ยงเด็ก กำ พ ร้ า
หรือ เด็ก พิ ก า ร นอกจากจะใช้ของเล่นที่มีอยู่ให้คุ้มค่าแล้ว ยังเป็นการสอนให้ลูกรู้จักการ แ บ่ ง ปั น ให้กับผู้อื่นและยังให้ลูกได้รู้ ถึงคุณค่าของสิ่งของหรือของเล่นที่ตนเองมี
ขอขอบคุณ r a k l u k e