Home ข้อคิด 9 การกระทำของพ่อแม่ ที่ทำให้ลูก..เป็นเด็กที่ไม่รู้จักโต

9 การกระทำของพ่อแม่ ที่ทำให้ลูก..เป็นเด็กที่ไม่รู้จักโต

8 second read
0
0
54

อย่างไรก็ดี เพราะพ่อและแม่คือ คนที่รักและหวังดีกับลูกมากที่สุด แต่ในบางครั้งความหวังดีของคุณ

อาจย้อนกลับมา ทำ ร้ า ย ลูกอย่างไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งกว่า คุณจะรู้ตัวก็อาจสายเกินแก้แล้ว

โดยเฉพาะ 9 พฤติกรรมต่อไปนี้ ที่พ่อแม่ควรเลิกทำถ้าอยากให้ลูกเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่ดี

1. ปลุกลูกไปโรงเรียนตอนเช้าทุกวัน

เรียกได้ว่ากิจวัตรประจำวันของคุณ แม่ที่ต้องทำทุกเช้า คือการปลุกลูกเพื่อไปโรงเรียน ซึ่งความจริงแล้วคุณพ่อคุณแม่ควรฝึกลูกให้ตั้งนาฬิกาปลุก

และจัดสรรเวลานอน ให้เหมาะสมเพื่อให้เขาได้เรียนรู้ที่จะจัดการกับตารางชีวิตของตัวเอง

2. ทำอาหารเช้าหรืออาหารกลางวันให้

คุณแม่หลายคน อาจเป็นห่วงว่า ลูกจะทานอาหารไม่อิ่มและได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน จึงต้องเตรียมอาหารให้ลูกทุกวันถ้าคุณอยากให้ลูกโตเป็นผู้ใหญ่ซะที

คุณก็ควรให้เขาทำอาหารเองค่ะ ถ้าเขาทำไม่เป็นคุณแม่อาจจะต้องสอนลูกก่อนสักหน่อย

3. นำของที่ลูกลืม ไปให้ถึงที่โรงเรียน

การที่ลูกโทรมา เพื่อบอกให้คุณพ่อคุณแม่นำเอาสิ่งของที่ลืมไปส่งที่โรงเรียน โดยที่คุณก็ทำตามที่ลูกสั่งทุกครั้ง

ซึ่งนั่นอาจทำให้ลูกกลายเป็นเด็กที่ไม่รอบคอบได้ ดังนั้น เมื่อลูกโทรมาเพื่อให้ คุณพ่อคุณแม่ทำแบบนั้นอีก

โดยที่ของชิ้น นั้นไม่ได้มีความสำคัญถึงขั้น ค อ ข า ด บ า ด ต า ย อะไร ก็ควรบอกปัด

เพื่อให้ลูกรู้จักมีความรอบคอบมากขึ้นและตรวจความเรียบร้อย ของสิ่งของ เครื่องใช้

ที่ต้องเอาไปโรงเรียนก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง

4. ซักเสื้อผ้าให้ลูก

เมื่อลูกโตพอ ที่จะทำงานบ้านได้แล้ว แต่คุณพ่อคุณแม่ไม่เคยฝึกหรือให้ลูกได้ทำด้วยตัวเอง และการที่คุณแม่ซักเสื้อผ้าให้ลูกทุกวันอาจทำให้เด็กเคยตัว

และเป็นคนไม่มีวินัยในตัวเองหรือความรับผิดชอบ ดังนั้น หากเด็กอยู่ในวัยที่พอเรียนรู้และทำอะไรด้วยตัวเองได้แล้วคุณแม่ก็ควรสอนลูก

ถึงวิธีการใช้เครื่องซักผ้าหรือการซักผ้าด้วยมือ เพื่อที่เขาจะได้ฝึกทำมันด้วยตัวเอง

5. ไม่ยอมปล่อยให้ครูมาว่ากล่าว ตักเตือน หรือตีลูก

ถ้าลูกมา ฟ้ อ ง คุณว่าถูกครูตีหรือว่ากล่าวตักเตือน ซึ่งนั่นอาจทำให้คุณพ่อคุณแม่มีอาการหัวร้อน

และพร้อมจะไปเคลียร์กับครูที่โรงเรียนแต่เรื่องนี้เป็นสิ่งที่อยากบอกว่าคนเป็นพ่อเป็นแม่ต้องใจเย็นๆ ก่อน

และอาจต้องสอบถามลูก ถึงสาเหตุที่ครูทำเช่นนั้น ซึ่งหากลูก ทำความผิดจริงๆและการลงโทษไม่ได้ ร้ า ย แ ร ง

จนถึงขั้น เ ลื อ ด ตกยางออก คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ต้องถึงขั้นไปคุย กับคุณครูเองที่โรงเรียนควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคุณครู

ที่ต้องอบรมสั่งสอนลูกของเราอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ควรทำคือ ให้คุณพ่อคุณแม่สอนลูกแทนว่าจะต้องทำตัวอย่างไรเพื่อไม่ให้โดนครูว่าหรือตีอีก

6. ยุ่งกับการเรียน

การเป็นห่วงสนใจ ในเรื่องเรียน หรือความเป็นอยู่ที่โรงเรียนของลูกไม่ใช่เรื่องผิดหรอกที่ แต่การที่คุณพ่อคุณแม่ไปบงการ

หรือกำหนดเส้น ทางการเรียนโดยไม่ให้เขามีสิทธิคิดหรือตัดสินใจด้วยตัวเอง นั่นอาจจะทำให้ลูกของคุณไม่โตเป็นผู้ใหญ่เสียที

7. ทำการบ้านให้

สำหรับคุณพ่อคุณแม่คนไหน ที่ชอบทำการบ้านให้ลูกเป็นประจำ ควรเลิกทำแบบนี้ปอย่าง เ ด็ ดข า ด เพราะสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่นี้

จะทำให้ลูกไม่ได้ฝึกคิดหรือเรียนรู้อะไรเลย ซึ่งถ้าไม่อยากให้ลูกเติบโตมาแบบไม่มีความรู้ใน ส ม อ ง ก็อย่าทำร้ า ยลูกทางอ้อมแบบนี้เลยค่ะ

8. ยอมให้ลูกหยุดเรียน

เพราะเด็กบางคน อาจมีอาการ ป่ ว ย การ เ มื อ ง เนื่องด้วยสาเหตุหลายๆ อย่าง อาจจะเกิดจากวิชาเรียนและการบ้านต่างๆ ซึ่งวิชาเรียนอาจง่ายเกินไป ทำให้เด็กเกิดความเบื่อหรือวิชาเรียนอาจ ยากจนเกินไป

ทำให้เด็กเกิดความกดดันว่า ไม่ฉลาดเท่าเด็กคนอื่นๆ สิ่งสำคัญที่พ่อแม่ควรทำคือ อย่าถามลูกว่าทำไมถึงไม่อยากการไปโรงเรียนเนื่องจากเด็กมักจะไม่รู้ คำตอบ เมื่อเด็กไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร

ก็จะเป็นการทำให้เด็ก เกิดความรู้สึก เ ค รี ย ด แทน ทั้งนี้พ่อแม่ผู้ควรบอกเด็กว่าความกลัวไม่ช่วยอะไรหากแต่เด็กควรเอาชนะความกลัว ให้ได้ควรเปิดใจให้กว้างในการรับฟังความรู้สึกของลูก

9. ขีดเส้นชีวิตให้ลูก

กำหนดกฎเกณฑ์ ข้อปฏิบัติต่างๆ ให้ลูกเดินตามทางที่พ่อแม่ปูไว้ ซึ่งนั่นอาจเป็นเรื่องดี ที่จะทำให้ลูกมีวินัย แต่ในทุกๆ กฎที่พ่อแม่ตั้งไว้ก็ควรให้ลูกรับรู้ด้วย พร้อมให้ลูกมีส่วนร่วมในการขีดเส้น ชีวิตของตนเอง

และต้องปล่อยให้ลูกได้เรียนรู้ ที่จะทำบางสิ่งด้วยตัวเองบ้างค่ะ เพียงเท่านี้ความสำเร็จ ในชีวิตลูกก็จะอยู่ไม่ไกลสุดท้ายนี้ การเลี้ยงลูกที่ถูกต้องจะต้องอย่าให้ลูกเปราะบางจนเกินไป เหมือนไข่ในหิน

อย่าเลี้ยงลูกให้เห็นแก่ตัว ต้องเลี้ยงลูกให้โตไปตามวัย อย่าให้กินยากอยู่ยาก อย่าให้ลูกกลัวในสิ่งที่ไร้สาระโดยพ่อแม่ ควรเริ่มต้นสร้างนิสัยเด็กด้วยการทำให้ตัวเอง ให้เป็นแบบอย่างพร้อมกับฝึกให้เด็กรับรู้

และรู้จักรับผิดชอบด้วยตัวเอง รวมทั้งเปิดโอกาสให้เด็ก ได้เรียนรู้รวมถึงฝึกฝน นั่นจะทำให้เด็กสามารถหาแนวทางดำเนินชีวิตตามบทบาทและหน้าที่ของตัวเองได้เป็นอย่างดี

ขอขอบคุณ k r u u p d a t e. c o m

Load More Related Articles
Load More By wansuk
Load More In ข้อคิด

Check Also

7 สิ่งเหล่านี้ “หากเลิกคาดหวังได้” ชีวิตคุณจะมีความสุขขึ้นเยอะ

“บรูซ ลี” อดีตดารากังฟู ชื่อดัง เคยกล่าวว่า “ผมไม่ได้เกิดมาเพื่อใช้ชีวิตตามความคาดหวังของค…