
ไม่มีอะไรแน่นอนจริงๆ เพราะอะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้เสมอ แม้แต่เรื่องที่เราไม่เคยคาดคิดกันมาก่อน
ก็ยังเกิดมาแล้วอย่ า ง “โ ค วิ ด” ที่ส่งผลกระทบไปแทบจะทุกประเทศเป็นเวลาหลายเดือนจน
เศรษฐกิจย่ำแย่ไปทั่วโลกในอนาคตที่ธนาคารทั่วโลกจะให้ ด อ ก เบี้ยเงินฝาก 0% ซึ่งดูเหมือนว่าใน
บ้านเราก็ใกล้จะถึงจุดนั้นแล้ว เช่นกันเราทุกคนควรจะใช้ชีวิต ใช้จ่ายเงินกันอย่ างไร ต้องปรับตัวหรือ
ต้องเจอกับอะไรบ้างมาดูกันว่าต่อจากนี้ไปจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง
1. คำว่า “อิสรภาพทางการเงิน” จะเอื้อมถึงได้ย ากขึ้น
เดี๋ยวนี้ใครๆ ก็ชอบพูดเรื่องอิสรภาพทางการเงินกันมากขึ้นหรือที่ชอบเรียกกันว่า Passive Income
เป็นการที่มีรายได้เข้ามามากกว่ารายจ่ายแบบที่เราไม่ต้องทำงาน เป็นการสร้างอิสรภาพทางการเงิน
ให้ตัวเองซึ่งคนสมัยก่อนจะนิยมฝากเงินเพื่อเอา ด อ ก เบี้ยแต่ถ้ามองดูยุคปัจจุบันเราคงทำแบบนั้นไม่ได้
แล้วและยิ่งลงทุนผิดที่กลายเป็นว่าเราจะต้องทำงานไปตลอดชีวิตและไม่มีคำว่า “อิสรภาพทางการเงิน”
ให้เราได้เข้าใกล้เลย
2. เงินจะหาย า กขึ้น
ลองดูทุกวันนี้สิ ว่าคนเริ่มจับจ่ายใช้สอยกันน้อยลงขนาดไหน นี่ยังไม่รวมกับวิกฤต โ ค วิ ด ที่เพิ่ง
เกิดขึ้นจนส่งผลกระทบในวงกว้างและหากในอนาคตที่ธนาคารทั่วโลกจะให้ดอกเบี้ยเงินฝาก 0% เท่ากับ
คนที่ฝากเงินในธนาคารจะไม่ได้ ด อ ก เบี้ยเลยคุณรู้ไหมว่าเงินที่สามารถงอกเงยจากระบบ ด อ ก เบี้ยนั้น
มีถึงแสนล้านบาทต่อปีเลยทีเดียวและถ้าเงินส่วนนี้หายไปกลายเป็น 0คิดภาพดูสิว่าเงินหายไปจากเศรษฐกิจ
ชีวิตประจำวันขนาดไหนเมื่อเงินหายไป กำลังการซื้อก็ลดลงด้วยเช่นกัน
3. ผู้สูงอายุต้องกลับมาทำงาน
ปกติแล้วในวัยสูงอายุ คนวัยนี้ส่วนใหญ่ก็มักจะวางแผนก่อนวัยเกษียณ เพื่อให้มีเงินเก็บเงินก้อนไว้ใช้หลัง
เกษียณได้มากเพียงพอที่จะสามารถฝากธนาคาร และหวังเก็บ ด อ ก เบี้ยกินได้บ้างแต่ถ้าหากเงินฝากไม่มี
ด อ ก เบี้ยก็จะทำให้เงินก้อนค่อยๆ ถูกใช้ไปจนหมด แล้วก็กลายเป็นว่าผู้สูงอายุต้องกลับมาทำงาน
เพื่อหาเงินเลี้ยงตัวเองอีกครั้ง
4. ความเหลื่อมล้ำจะมากขึ้น
หากเงินฝากไม่มี ด อ ก เบี้ยก็จะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำในสังคมเพิ่มมากขึ้นได้เช่นกันคนรวย
ที่มีอยู่เพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์ก็จะยิ่งรวยขึ้น ในขณะที่คนจนคนที่หาเช้ากินค่ำไม่มีเงินเหลือเก็บ และยิ่งการ
วางแผนทางการเงินไม่มีหรือลงทุนไม่เป็นไม่มีความรู้ในการลงทุนให้เงินงอกเลยได้เลย ก็ต้องทำงานหนัก
แบบนี้ไปตลอดชีวิต
5. เงินจะอยู่เหนือคนมากยิ่งขึ้น
เมื่อเงินหาย า กมากขึ้นก็ยิ่งมีค่ามากขึ้น และคนก็จะพย า ย ามทำทุกอย่ างเพื่อให้ได้มันมาโดย
ไม่สนว่าใครจะลำบากหรือเดือดร้อน ความยุติธรรมจะหาได้ย าก คนอ่อนแอจะถูกเอารัดเอาเปรียบ
6. หลังจากยุค ด อ ก เบี้ย 0% ทุกอย่ า งจะแย่ลงไปอีก
นั่นเป็นเพราะว่าเงินจะล้นระบบ แต่ไม่ใช่เงินมีมากสำหรับทุกคนหรอกนะ เมื่อเงินล้นระบบจะล้นไปอยู่ในมือ
คนรวย ซึ่งคนรวยมีจำนวนที่น้อยมากๆ เมื่อเทียบกับคนจน จึงเกิดการใช้จ่ายที่น้อยตามไปด้วยและเมื่อ
ใช้จ่ายน้อยก็จะส่งผลกระทบแบบโดมิโน่คือ พ่อค้าแม่ค้าไม่มีคนซื้อของก็จะขายไม่ได้ ตลาดห้างสรรพสินค้า
ไม่มีคนเดิน คนส่วนมากไม่มีเงินที่จะเอาไปใช้จ่ายให้เงินหมุนเวียนเศรษฐกิจและพอเศรษฐกิจไม่ดี
ทั้งบริษัททั้งโรงงานก็ต้องปิดตัวลงพนักงานและคนงานก็ต้องตกงาน กลายเป็นล้มไปหมดทั้งระบบ
7. คอรัปชั่น และการโกงจะมากขึ้น
แน่นอนว่ายิ่งเงินหาย า ก คนฉวยโอกาสก็จะมีมากขึ้น การขาดเงินจะทำให้คนขาดจิตสำนึกได้
ง่ายกว่าเดิมยอมทำทุกอย่ า งเพื่อเงิน โดยไม่สนใจว่ามันเป็นสิ่งที่ผิดหรือถูก
8. ครอบครัวมีปัญหามากขึ้น
สมัยก่อนผู้ชายจะเป็นคนออกไปทำงานหาเงิน เพื่อมาเลี้ยงครอบครัว ผู้หญิงจะอยู่บ้านคอยดูแล
งานบ้านและเลี้ยงลูก ทำให้มีเวลาอยู่กับลูกได้ตลอด แต่พอมายุคนี้ ทั้งพ่อและแม่ก็ออกไปทำงาน
นอกบ้านและยิ่งยุคที่เงินหาย า ก ยิ่งต้องทำงานมากขึ้นไปอีกเพราะหาเงินมาก็ไม่พอค่าใช้จ่าย
ลูกก็ไม่มีใครอยู่ด้วยและยิ่งมีการทำโอทีกลับบ้านดึกดื่นยิ่งไม่มีเวลาเจอหน้ากันเลยในแต่ละวันเมื่อ
พ่อแม่ทำแต่งานไม่มีเวลาให้ครอบครัวก็ทำให้ลูกเริ่มมีปัญหาหากแก้ไขไม่ได้ก็จะทำให้เป็นปัญหาสังคมต่อไปอีก
9. ค่าครองชีพจะสูงขึ้นอีก
หากลองมองย้อนกลับไปในอดีตจะเห็นว่าค่าครองชีพนั้นสูงขึ้นเรื่อยๆ เงิน 40 บาทที่เมื่อก่อนซื้อก๋วยเตี๋ยว
ได้ 2 ชาม เดี๋ยวนี้ก็ซื้อได้แค่ชามเดียวข้าวของทุกอย่ า งแพงขึ้นแต่เงินทองกลับหาย า กกว่าเดิมถ้าวันนี้
ไม่ระวังวันข้างหน้าต้องเสียใจภายหลังแน่นอน
ขอบคุณที่มา Junjaonews