1.เห็นคุณค่าของความสัมพันธ์
ถึงแม้ว่าตอนนี้ เราจะมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง มีเงินมากหรือน้อย ได้ทำงานที่ชอบ มีเพื่อนร่วมงานที่น่าคบหา มีเงินเพียงพอที่จะใช้จ่ายหรือมีบ้านที่มีสมาชิกตัวเล็กๆ วิ่งเล่นอยู่เต็มบ้าน ได้ใช้เวลาไปกับการทำอาหาร ทำความสะอาด ดูแลลูก ตั้งแต่ 6 โมงเช้าจนถึง 4 ทุ่ม
ก็จงละทิ้งความเหนื่อยล้าหมดแรงไว้ในช่วงเวลาสุดท้ายของวัน ติดต่อหาคนที่เรารัก คนสำคัญในชีวิตที่หล่อหลอม มาเป็นตัวเราทุกวันนี้ คนที่อยู่กับเราทั้งในยามสุขและทุกข์ไม่ว่าจะเป็น พ่อแม่ พี่ น้อง เพื่อนสนิท
พยายามติดต่อพูดคุยอยู่เป็นประจำ การได้พูดคุยกับบุคคลเหล่านี้จะช่วยให้เราได้ผ่อนคลายความคิด และจิตใจ
2.ไม่ต้องเร่งจังหวะชีวิต
ไม่ต้องเร่งจังหวะของชีวิตให้เป็นไปตามจังหวะ ที่ควรจะเป็นในทุกเรื่อง ทุกด้านของชีวิต อย่ารีบร้อน หากกำลังพิจารณาตัดสินใจจะแต่งงานกับใคร ให้ใช้เวลาพินิจพิจารณาให้ดีก่อนตัดสินใจใช้ชีวิตที่เหลือกับใครคนนั้นหรืออย่าเปลี่ยนงาน
เพราะต้องการงานที่ทำเงินได้มากกว่า แต่เลือกทำในสิ่งที่รักที่สุด แม้จะต้องใช้เวลามากกว่าในการเติบโตในอาชีพ นั้นก็ตาม การที่เราก้าวเข้าสู่อายุ 30 ไม่ได้หมายความว่าถึงเวลาที่เราต้องต่อจิ๊กซอของชีวิตให้เสร็จสมบูรณ์ทุกด้าน
3.ไม่ใช่แค่ทำแต่งาน ต้องใช้ชีวิตด้วย
คนหนุ่มสาวจำนวนมากที่อุทิศ เวลาทั้งหมดของชีวิตให้กับงาน ในที่นี้ไม่ได้หมายความถึงแค่การทำงานประจำของตัวเอง แต่รวมถึงงานบ้านต่างๆ หรือกิจกรรมอะไรก็ตามที่เราให้เวลาทำสิ่งนั้นเพียงอย่างเดียว
วางแผนช่วงเวลาในวันหยุดออกไปพบปะเพื่อน ทำกิจกรรมนอกสถานที่ เดินทาง ท่องเที่ยว การได้ทำกิจกรรมที่มีความแตกต่างหลากหลายช่วยให้เราได้เปิดรับความรู้สึกและประสบการณ์ใหม่ๆ
4.เงินซื้อความสุขทุกอย่างไม่ได้
จริงอยู่ว่าสำหรับผู้หญิงส่วนใหญ่แล้วการช้อปปิ้งคือความสุข ดังนั้น เราจึงต้องการเงินมาเพื่อใช้จ่ายสร้างความสุขให้กับตัวเอง แต่ใช่ว่าความสุขทุกอย่างในโลกนี้จะซื้อได้ด้วยเงินยังมีความสุขอีกหลายอย่างในชีวิตที่ไม่ต้องใช้เงินซื้อ
ตัวอย่างเช่น การได้คุยโทรศัพท์เป็นเวลานานกับเพื่อนซี้ การได้ใช้เวลาในวันหยุดอยู่กับครอบครัว ที่บ้านการได้นั่งอ่ า นหนังสือเล่มโปรดในสวนหรือมุมสุดโปรดในบ้าน
หรือการได้ยิ้มและหัวเราะกับเรื่องราวชวนขัน การที่เราโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นไม่ได้หมายความว่าเราจะยังเพลิดเพลินมีความสุขกับเรื่องเหล่านี้ไม่ได้อีกต่อไป
5.ไม่มีใครสวยสมบูรณ์ ปราศจากข้อบกพร่อง
บรรดานางแบบที่เราชื่นชอบที่เราเห็นตามปกนิตยสารที่มีความมันวาวล้วน แต่ต้องผ่านขึ้นตอนการทำโฟโต้ชอปมาแล้วก่อนออกวางจำหน่าย
ดังนั้นไม่ต้องกลุ้มใจไปเลยไม่ต้องไม่ลอกเลียนแบบความสวยจากดารา นางแบบเหล่านั้น พวกเขาเองก็มีจุดบกพร่องแต่ก็มีความสวยในแบบของตัวเอง
ซึ่งคุณเอง ก็เป็นแบบนั้น จงรักและพอใจกับตัวเอง กับจุดบกพร่องของตัวเราเอง
6.สร้างชีวิตด้วยประสบการณ์
การได้มีประสบการณ์ต่างๆ คือวิธีเรียนรู้สิ่งใหม่ๆในชีวิตที่ดีที่สุด เราเชื่อว่าการได้เรียนรู้ผ่านประสบการณ์ตรง มีความสำคัญและมีคุณค่ากว่าการเรียนรู้ในโรงเรียนผ่านตำราเรียน
การเดินทางท่องเที่ยวคือรูปแบบหนึ่งของการมีประสบการณ์ตรง ยิ่งเดินทางมากเท่าไร เรายิ่งมีความรู้เกี่ยวกับโลกมากขึ้นเท่านั้นยิ่งได้ลิ้มลองเมนูอาหารที่หลากหลาย
ยิ่งได้เรียนรู้วัฒนธรรมที่หลากหลายมากขึ้น ยิ่งมีโอกาสได้พบปะผู้คนมากเท่าไร เราก็ยิ่งมีความเข้าใจมนุษย์มากเท่านั้น ดังนั้นเราต้องไม่หยุดค้นหาประสบการณ์การเรียนรู้ใหม่ๆ ในชีวิต
7.การเปรียบเทียบชีวิตตัวเองกับคนอื่น จะสร้างความกดดันที่ไม่จำเป็นกับชีวิตเรา
การที่เราพยายามเปรียบเทียบชีวิตตัวเอง กับคนอื่นในวัยเดียวกัน ถือเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และจะนำพาความกดดันมาสู่ตัวเราอย่างง่ายดาย เกิดความรู้สึกเศร้า ห ม อ ง อารมณ์ขุ่นมัว และความรู้สึกต่างๆ ที่นำพาเราไปในแง่ลบ ทำไมเราต้องสนใจว่าเพื่อนของเราร่ำรวยพอที่จะจับจ่ายซื้อสินค้าราคาแพงได้
หรือเพื่อนที่เขาได้ใช้ชีวิตมีสามีและลูก คนเราทุกคนล้วนมีการจัดลำดับความสำคัญในชีวิต เป็นของตัวเอง ทุกคนมีชีวิตในแบบของตัวเอง ซึ่งคุณเองก็กำลังทำอยู่เช่นกัน อย่าคร่ำครวญในสิ่งที่คนอื่นมี คนอื่นเป็น
8.ความล้มเหลวคือเสาหลักของความสำเร็จ
เนลสัน แมนเดลาเคยพูดไว้ครั้งหนึ่งว่า “อย่าตัดสินฉันที่ความสำเร็จของฉัน แต่จงตัดสินฉันที่จำนวนครั้งที่ฉันสามารถลุกขึ้นมายืนได้ใหม่ ภายหลังจากที่ล้มลง”การมีเป้าหมายสู่ความสำเร็จในชีวิต ไม่ใช่การคาดหวังว่าความสำเร็จจะเข้ามาหาเราทันทีที่เราเริ่มต้นทำสิ่งต่างๆ ในครั้งแรก
แต่ต้องผ่านการล้มมาครั้งแล้วครั้งเล่า ซึ่งนั่นจะสอนให้รู้ว่าวิธีการหรือสิ่งที่เราทำไปนั้นไม่ถูกต้อง ต้องมีการปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้อง บทเรียนเหล่านี้จะทำให้เราก้าวไปข้างหน้าสู่เป้าหมายที่วางไว้
9.ปล่อยให้หัวใจได้พูดบ้าง
เรามักคุ้นเคยกับคำแนะนำ ที่ให้ใช้ ส ม อ ง มากกว่าหัวใจ แต่ในบางครั้งก็สามารถแนะนำให้ใช้หัวใจมากกว่า ส ม อ ง ได้เช่นกัน ยกตัวอย่างบางสถานการณ์ในชีวิต
เช่น เมื่อลูกของเรา ป่ ว ย มี ไ ข้ ในตอนกลางคืน เราได้ให้เขาทานยาและเช็ดตัวจน ไ ข้ ลดลงในตอนเช้าแล้ว ส ม อ ง ของเราอาจบอกเราว่าเขาสบายดีแล้ว ไ ข้ ล ด แล้วสามารถไปโรงเรียนได้แล้ว
แต่ในหัวใจของเรากลับยังรู้สึกเป็นห่วง ไม่อยากให้เขาห่างจากเราไปในช่วงเวลานี้ ซึ่งอาจจะ ไ ข้ ขึ้ น ได้อีกเมื่ออยู่ที่โรงเรียนจึงตัดสินใจฟังเสียงของหัวใจ ที่ต้องการให้เขายังพักผ่อนอยู่กับบ้านจนหายดีก่อน
จนไม่มี ไ ข้ ขึ้ น ซ้ำแล้วจึงค่อยไปโรงเรียน การตัดสินใจเรื่องเล็กๆ น้อยแบบนี้ ในชีวิตอาจเกิดขึ้นได้ในหลายบริบท ซึ่งบางครั้งก็จำเป็นต้องฟังความต้องการของหัวใจเราด้วย
ขอขอบคุณ w o m a n l e a r n s