1. ชีวิตคือการลงทุน
ไม่ว่าจะทำธุรกิจ หรือเป็นพนักงานบริษัท คนรวยจะคอยคำนวณผลกำไรขาดทุน ของตัวเองไว้ตลอดเวลา และกฎ ต า ย ตัวของเขาเหล่านี้ คือ ลงทุนไปเท่าไร สิ่งที่ได้รับกลับมาต้องเท่าเทียมกัน หรือมากกว่าที่ลงทุนไป
ซึ่งถ้าให้เข้าใจง่าย ๆ ก็ป็นหลักของทุนนิยมนี่ล่ะค่ะ แต่หากคุณยังมัวคิดแต่ว่า ต้องหาเงินเข้ากระเป๋าให้พอกับรายจ่าย ที่รายล้อมชีวิตอยู่ แบบนี้ต่อให้ตรากตรำทำงานต่อไปอีกสิบเป็นปีเพื่อหวังจะรวย บอกเลยตรงนี้ว่ายาก
2. คนรวยรู้แต่โอกาส
ในขณะที่ เรามองเห็นแต่อุปสรรค คนรวยกลับมองสิ่งนั้นเป็นโอกาสที่เขาจะคว้ามาไว้ต่อยอดสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตได้ โดยเขาเชื่อกันว่า ทุกความยากลำบากในชีวิตที่ต้องเจอ
อย่างน้อยก็ต้องมีทางออกให้เราคลี่คลายสถานการณ์ได้ ไม่ว่าในทางใดก็ทางหนึ่ง ขึ้นอยู่กับว่าเราจะใช้มุมมองด้านไหนแก้ปัญหาและพาให้ชีวิตขับเคลื่อนไปต่อได้
3. คลุกคลีอยู่ในสังคมคิดบวก
สภาพแวดล้อม เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลโดยตรงกับทัศนคติและพฤติกรรมของคนเรา นี่คือสิ่งที่คนรวยเขาเชื่อกัน มาตั้งแต่ไหนแต่ไร และการที่ได้คลุกคลีอยู่ในสังคมคิดบวก
พูดคุยกันแต่เรื่องความสำเร็จและเป้าหมายของชีวิตอย่างมีความหวัง คนรวยเขาก็เชื่อกันว่า จะเป็นพลังให้ชีวิตมีแรงบันดาลใจ อีกทั้งเราก็จะกลายเป็นคนทะเยอทะยานมากขึ้นด้วย
4. กล้าแสดงจุดแข็งของตัวเองอย่างเปิดเผย
ข้อดีของตัวเองอยู่ตรงไหน จุดแข็งที่ไม่น่าจะมีใคร เทียบเทียมเราได้คืออะไร เป็นสิ่งสำคัญที่คนรวยต้องรู้ตัวเองอยู่เสมอ และพร้อมจะแสดงความเด่นออกมาอย่างถูกที่ถูกเวลา
เพราะนี่ก็เปรียบเหมือนประตูที่เปิดไว้รอรับทรัพย์ รับโอกาสดี ๆ ที่คนเหนียมอาย อาจพลาดไปอย่างน่าเสียดายได้ ดังนั้นหากอยากเป็นคนมีเงินใช้ไม่ขาดมือ
อย่างแรกควรหาจุดเด่น ของตัวเอง แล้วศึกษาวิธีเสนอจุดขายของตัวเองได้แล้ว
5. แข็งแกร่งกว่าปัญหา
ไม่ว่าจะรวย ล้นฟ้าแค่ไหน ชีวิตก็ไม่เคยโรยด้วยกลีบกุหลาบหรอกนะคะ ทว่าคนมีฐานะมั่นคงเหล่านี้เขาจะฝึกตัวเอง ให้อยู่เหนือทุกปัญหา มีความแข็งแกร่งมากพอจะต่อกรกับขวากหนามของชีวิตได้อย่างไม่สะท้านสะเทือน
หรืออย่างน้อย ๆ หากชีวิตต้องเจอกับช่วงหกล้มคลุกคลาน คนรวยก็จะทำทุกวิถีทาง ให้ตัวเองลุกขึ้นเดินได้อีกครั้ง แม้ว่าจะต้องใช้ความพยายามมากเท่าไร คนที่ประสบความสำเร็จ เหล่านี้จะไม่เคยย่อท้อต่อความเหน็ดเหนื่อยเลย
6. มีวิธีต่อยอดเม็ดเงินในกระเป๋าอย่างชาญฉลาด
สมมติว่ามีเงินอยู่ 5 บาท แต่อยากซื้อไอศกรีม และหมากฝรั่ง ซึ่งมีราคาชิ้นละ 5 บาททั้งคู่ ถ้าเป็นคนที่มีข้อจำกัดในเรื่องการใช้จ่ายก็คงตัดใจจากของชิ้นใดชิ้นหนึ่งไปเพราะเงินไม่พอใช่ไหมคะ
แต่หากเป็นคนรวย เขาจะเลือกซื้อลูกอม 1 แพค ในราคา 5 บาท แล้วนำลูกอมเหล่านั้น ไปขายต่อเพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าเงินที่มีอยู่ แค่นี้ก็กลับมาซื้อได้ทั้งไอศกรีมและหมากฝรั่งแล้ว
เห็นไหมล่ะว่ากระบวนการคิดแตกต่างกันจริง ๆ
7. ใช้เงินเป็น
มีเงิน 500 ใช้ 500 หมดในครั้งเดียวแบบนี้ เขาเรียกใช้เงินไม่เป็นค่ะ และแม้คนเหล่านี้จะหาเงินเก่งแค่ไหน ในอนาคตก็คงไม่มีวันร่ำรวยมั่นคงได้
ดังนั้น คนรวยจึงไม่โฟกัสเรื่องรายได้เท่าไรนัก แต่กลับโฟกัสเรื่องการเก็บออม และการต่อยอดเงินให้เพิ่มขึ้นเท่านั้น นี่สินะที่เขาเรียกว่าชีวิตดี๊ดี
8. เรียนรู้ชีวิตและการเติบโตตลอดเวลา
ความรู้เป็นสิ่งที่ไม่มีวันสิ้นสุด และคนรวยก็ตระหนักความจริง ข้อนี้ดีอยู่แก่ใจ ดังนั้นตั้งแต่โตมาเขาจึงไขว่คว้าทุกโอกาสของการเรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็นการร่ำเรียนในห้องเรียน
และห้องเรียนนอกเวลาอย่างการท่องโลกกว้าง หรือการเปิดโอกาสให้ตัวเองได้ทำ ในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นการปูทางให้ชีวิตได้พบกับความแปลกใหม่
อย่างน้อย ๆ ก็ทำให้ชีวิตไม่เคยหยุดนิ่งอย่างไร้ค่า
9. ไม่เคยย่อท้อต่อความลำบาก
ต่อให้ตอนนี้ชีวิตจะเจอ แต่อุปสรรคและความยากลำบาก จนแทบทนไม่ไหว แต่คนจะรวยยังไงก็จะรวยอยู่วันยังค่ำ เขาจะไม่กลัวความลำบาก
และไม่ย่อท้อ ต่ออุปสรรคใด ๆ สักนิดเลย เพราะเชื่อ อยู่เสมอว่า ลำบากตอนนี้ไปก่อน ทำให้ดีที่สุดเอาไว้ แล้วพรุ่งนี้จะสบายเอง
ขอขอบคุณ c e n t r a l h e a l t h y