Home ข้อคิด การปรับความคิดตัวเอง ด้วย 6 เทคนิค ที่จะทำให้ชีวิตของคุณดีขึ้น

การปรับความคิดตัวเอง ด้วย 6 เทคนิค ที่จะทำให้ชีวิตของคุณดีขึ้น

12 second read
0
0
36

1. เชื่อมั่นในศักยภาพของตัวคุณเอง

นักจิตวิทย าหญิงท่านหนึ่งชื่อ คารอล เขียนในหนังสือของเธอว่า “ความคิด” แบ่งออกเป็น 2 ประเภท

ได้แก่ ความคิดแบบยึดติด และความคิดแบบยืดหยุ่น ผู้ที่มีความคิดยึดติดเป็นพวกที่เชื่อว่า ความสามารถของตนเอง

เป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้ย าก พวกเขามักคิดว่าตนเองเก่งหรือแ ย่ ในด้านใดด้านหนึ่งอย่างสุดโต่ง

และเมื่อพวกเขาเจอกับอุปสรรค พวกเขาก็จะยอมแพ้โดยง่าย นอกจากนี้ เมื่อพวกเขาเห็นความสำเร็จของคนอื่น

ความรู้สึกกลัว ความผิดหวัง และความพ่ายแพ้ก็จะผุดขึ้นมาในหัวของพวกเขาทันที ในทางกลับกัน

คนอีกประเภทที่มีความคิดยืดหยุ่น พวกเขาเชื่อว่าคนเราสามารถปรับปรุงและพัฒนาได้

ดังนั้น เราจะเห็นคนกลุ่มนี้เรียนรู้ทักษะใหม่ๆ และพย าย ามปรับตัวให้เข้ากับสิ่งรอบข้างตลอดเวลา

พวกเขาเข้าใจว่าความพย าย ามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น จึงไม่น่าแปลกใจว่าศักยภาพของพวกเขา

จะเติบโตอย่างไม่มีที่สิ้นสุดหากเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มคนที่มีความคิดแบบยึดติดกับกลุ่มคนที่มีความคิดแบบยืดหยุ่น

จะพบว่าคนที่มีความคิดยืดหยุ่น จะรู้สึกสงบและมีความสุขในชีวิตมากกว่าเพราะพวกเขาสามารถควบคุมสิ่งต่างๆ ได้ดี

พวกเขามีอิสระที่จะทำตามที่ใจต้องการ และประสบความสำเร็จมากกว่า

2. พอใจในสิ่งที่มี ยินดีในสิ่งที่ได้

แท้จริงแล้ว ส มองถูกออกแบบให้มนุษย์เรามีความคิดเชิงลบมากกว่าเชิงบวก

สิ่งนี้เชื่อมโยงกับสัญชาตญาณการเอาตัวรอด ยกตัวอย่างเช่น เมื่อเราเจอกับเหตุการณ์อันเล วร้ าย

ที่ทำให้เราหมดสิ้นหนทางหรือรู้สึกมืดแปดด้าน ส มองจะสั่งการให้ตัวเรามีแรงฮึด

และปลุกพ ลั งภายในที่ซ่อนอยู่ เพื่อให้เราสามารถต่อสู้กับสิ่งเล วร้ ายได้แต่เมื่อส มองประมวลผล

เหตุการณ์ต่างๆในแง่ลบ ทั้งๆที่เราอยู่ในสถานการณ์ปกติ ผลลัพธ์ก็จะออกมาตรงกันข้าม

เพราะคุณจะเกิดความคิดอคติซึ่งส่งผลต่ออารมณ์ ความรู้สึก และพฤติกรร ม

ดังนั้น เมื่อเรารู้เท่าทันธรรมชาติของส มอง เราจึงควรคิดถึงแต่สิ่งดีๆในชีวิต คุณควรรู้สึกขอบคุณ

ครอบครัวที่แสนดี เพื่อนที่น่ารัก งานที่ท้าทาย และระงับความรู้สึกไม่พอใจเรื่องเพื่อนร่วมงานจอมป่วน

เจ้านายผู้เข้มงวด ลูกน้องที่ไม่เอาไหน เป็นต้น วิธีคิดเช่นนี้จะทำให้โลกของคุณเปลี่ยนไป

การพอใจในสิ่งที่มีและ การขอบคุณสิ่งที่ได้รับเป็นปัจจัยสำคัญ ที่ช่วยให้จิตใจของคุณสดใส อิ่มเอม และมีความสุข

3. รัก ษ าความเป็นตัวของตัวเอง และมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น

บ่อยครั้ง ที่เรารับฟังคำพูด คำวิจารณ์ และความคิดเห็นของคนอื่นๆมากจนเกินไป ยิ่งไปกว่านั้น

สื่อในโลกออนไลน์ก็มีอิทธิพล ต่อความคิดของคนในยุคปัจจุบันอย่างมากสิ่งเหล่านี้ทำให้เราหลงทาง

และลืมความเป็นตัวของตัวเองไป ตัวอย่างง่ายๆ เช่น คุณเป็นคนชอบสีเขียว แต่ตอนนี้สีดำกำลังเป็นที่นิยม

ดังนั้น คุณจึงเลือกซื้ อ สิ่งของที่มีสีดำเพื่อให้ทันสมัยกับกระแสสังคมในปัจจุบัน พฤติกรร มดังกล่าวเกิดขึ้น

จากการที่คุณรู้สึกกลัวหรือไม่มั่นใจในตัวเอง คุณจึงพย าย ามปรับเปลี่ยนหรือทำให้ภาพลักษณ์ของตัวเอง

ดูดีในสายตาของคนอื่นแต่ความเป็นจริงแล้ว คุณไม่ได้เป็นเช่นนั้นคุณต้องเสแสร้ง แกล้งทำในสิ่งที่คนอื่น

ต้องการเพื่อให้คนอื่นพอใจ เพราะคุณเชื่อว่าคุณจะเป็นที่รักของคนอื่นๆ อย่างไรก็ตาม

การซ่อนความเป็นตัวตนไว้ภายใน ปิดบังความรู้สึกที่แท้จริง เพียงเพื่อทำให้คนอื่นพอใจ

สุดท้ายแล้วตัวคุณเองก็จะไม่มีความสุข วิธีการแก้ไขก็คือคุณควรติดต่อสื่อส าร กับผู้คนรอบข้าง

เปิดใจให้กว้าง และยอมรับกับความแตกต่างหลากหลายแต่สิ่งสำคัญก็คือ คุณต้องไม่ปล่อยให้

ความเชื่อของบุคคลอื่นครอบงำชีวิต หรือบดบังความเป็นตัวตนที่แท้จริงของคุณ การปฏิสัมพันธ์

กับผู้อื่นจะช่วยให้คุณเข้าใจว่าทุกคนไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน ทุกคนมีความโดดเด่น

และมีความเป็นตัวของตัวเอง ดังนั้น จงรัก ษ าสิ่งที่มีคุณค่านี้ไว้

4. มองโลกในแง่ดี

การมองโลกในแง่ดีเป็นอีกหนึ่งเทคนิค ที่จะช่วยให้ชีวิตคุณเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น

หากคุณมองโลกในแง่ร้ าย คุณก็จะกลายเป็นคนที่ขี้ระแวง ใจแคบ ไม่มีการพัฒนาและแน่นอน

ว่าคุณจะไม่มีความสุข ในทางตรงกันข้าม หากคุณมองโลกในแง่ดี ยิ้มแย้มแจ่มใส

คุณจะเปิดใจยอมรับสิ่งต่างๆ ในชีวิต และทำให้คุณมีโอกาสเพิ่มมากขึ้นเช่น

สมมุติว่าหัวหน้าเสนองานชิ้นหนึ่งให้คุณทำ หากคุณมองในแง่ลบ คุณจะคิดว่างานชิ้นนั้นย ากมาก

คุณไม่มีทางทำได้สำเร็จ มันจะทำให้คุณเหนื่อยเปล่าและเบียดบังเวลาในการทำงานอื่นๆ

ของคุณในทางตรงกันข้าม หากคุณมองในแง่บวก คุณจะรู้สึกว่าหัวหน้าไว้วางใจให้คุณทำงานชิ้นนี้

ซึ่งจะเป็นโอกาสพิสูจน์ความสามารถ และพัฒนาตนเอง อุปสรรคต่างๆเป็นสิ่งที่ต้องผ่านไปให้ได้

หากคุณทำงานชิ้นนี้สำเร็จ คุณจะได้รับการยอมรับมากขึ้น และนั่นจะเป็นบันไดที่ทำให้คุณก้าวไปสู่ดวงดาว

5. อย่าเปรียบเทียบตนเองกับผู้อื่น

คุณเคยสังเกตบ้าง หรือไม่ว่านิ้วมือทั้งห้าของคนเราย าวไม่เท่ากัน แต่นิ้วมือทุกนิ้วมีความสำคัญ

หมดมนุษย์เราก็เช่นกัน ทุกคนมีข้อดีของตัวเอง ดังนั้น จงอย่าเปรียบเทียบตนเองกับผู้อื่น

วิถีชีวิตของคนในยุคปัจจุบันที่ผู้คนต่างให้ความสำคัญกับเปลือกภายนอกเราโพสต์รูปอาห ารการกิน

ที่พัก สถานที่ท่องเที่ยว และสิ่งอื่นๆ เพื่อให้ตนเองดูดีและมีคุณค่า หากคุณปล่อยให้สิ่งเหล่านี้

มีอิทธิพล ต่อความคิดของคุณ คุณจะพบกับความเหนื่อยใจเพราะคุณจะวิ่งไล่ตามและ

เสาะแสวงหาสิ่งที่คุณเห็นว่าสามารถให้ความสุขแก่คุณได้ แท้จริงแล้วสิ่งเหล่านี้เป็นความสุขจอมปลอม

คุณไม่มีทางที่จะพบกับความสุขสงบได้ หากคุณเอาคนอื่นเป็นที่ตั้ง

ดังนั้น เพียงแค่คุณรู้ว่าตัวคุณต้องการอะไร คุณมีความสุขกับสิ่งไหน คุณก็ไม่จำเป็นต้องอิจฉา

หรืออย ากมีชีวิตแบบคนอื่นๆ เพราะสิ่งที่คุณสัมผัสได้ให้ความสุขกับคุณมากพอแล้ว

6. เชื่อมั่นในความเป็นไปได้

ความคิดเป็นตัวกำหนด ทิศทางของชีวิต ดังนั้น หากคุณเริ่มต้นทำสิ่งใดและ คิดว่ามันเป็นไปไม่ได้

คุณก็จะไม่มีทางพบกับความสำเร็จ คุณสามารถเปลี่ยนวิธีคิดแบบนี้ได้โดยการตั้งคำถาม

และคิดว่ามันเป็นไปได้ เช่น หากคุณเชื่อว่าคุณไม่สามารถ ทำงานชิ้นหนึ่งได้

ให้คุณลองตั้งคำถามกับตัวเองว่า ฉันจะสามารถทำมันให้สำเร็จได้อย่างไร หรือหากคุณทำงานชิ้นหนึ่ง

และมันไม่ได้ผล คุณก็ลองเปลี่ยนมาตั้งคำถามใหม่ว่า จะสามารถทำมันให้ได้ผลได้อย่างไร

การเปลี่ยนแปลงจากประโยคปฏิเสธเป็นประโยคคำถาม

คือการกระ ตุ้ น พ ลั งความคิดอีกวิธีหนึ่ง ที่สำคัญที่สุดเหนือสิ่งอื่นใด คุณต้องมีความเชื่อมั่นว่า

สิ่งต่างๆ สามารถเป็นไปได้เพราะทุกสิ่งเริ่มต้นที่ความเชื่อ ดังนั้น หากคุณเชื่อว่าเป็นไปได้

ประตูแห่งโอกาสจะเปิดรับคุณเอง

ขอขอบคุณ L e a r n i n g H u b T h a i l a n d

Load More Related Articles
Load More By wansuk
Load More In ข้อคิด

Check Also

เจ้านาย 8 แบบนี้ ที่ไม่ควรเป็นหัวหน้าคน

1.เจ้านาย ทรงอำนาจ เจ้านายประเภทนี้ จะดีแต่ออกคำสั่ง มักแสดงพฤติกรรม การใช้อำนาจขณะทำงานหร…