เรื่องเหล่านี้ มันสะท้อน ให้เห็นว่า สังคมการทำงานที่ เป็นอยู่ในทุกวันนี้ มันเป็นอย่างไร คือ เรื่องของ ค ว า ย และหม าที่ เพราะคนที่เสนอหน้า มักได้ดีกว่าคนทำงานงกๆ
สงสัยกันไหมว่า “เพราะอะไรทำไมค วายที่ไถนา อาห าร ที่ได้กิน จึงไม่ใช่ข้าวล่ะแต่ว่า หม า ที่ไม่ได้ออกแร งทำนา นั่งๆ นอนๆ ทั้งวันนั้นกลับได้กินข้าวอย่างสำราญล่ะ”
ถ้าอย่างนั้น ลองมาฟังเรื่องเล่า “ควา ย ทำนา หม ากินข้าว” กันดู แล้วคุณจะเข้าใจ ว่าเหตุผลมันคืออะไรเมื่อสมัยก่อนๆ ชาวนาใช้ ควา ย ไถนาเพื่อเพาะปลูกข้าว
พวกชาวนาได้เลี้ยง สั ต ว์ 2 ตัว คือ ควา ย กับห มา ในแต่ละวันสั ตว์ ทั้งสองจะมีหน้าที่คือการออกไปทำนา ตั้งแต่เช้าๆ เมื่อเวลาใกล้เที่ยงชาวนาจะออกไปตรว จดู ความเรียบร้อยต่างๆ
และพออยู่มาวันหนึ่ง ขณะที่ควา ย และ ห ม า ไปทำนา แต่เช้าตามปกตินั้น ควา ย จะเป็นคนไถนา อย่างขยันขันแข็ง เดินวนไปวนมา จนไถจนหมดจากนั้นควา ย ทั้งเหนื่อยและหมดแร ง
เพราะเหนื่อยจากการไถนา จึงไปอาบน้ำ และนอนพักใต้ต้นไม้ใหญ่ ทีนี้ส่วนห มามาถึงที่นา ก็เอาแต่นอนๆๆ พอเห็นว่าใกล้จะเที่ยงคือเวลาที่ชาวนาจะมาตรว จ งาน ก็รีบลุกออกไป เดินย่ำบนผืนนาที่ ค ว า ย ได้ไถไว้จนทั่วทำให้ท้องนามีแต่รอยเท้า
แล้วพอชาวนามาถึง ห ม า ก็รีบวิ่ง ไปหาด้วยเนื้ อตัวที่เปื้อนไปด้วย โ ค ล น แล้วก็บอกว่า ตนได้ไถนาเสร็จเรียบร้อย เหนื่อยมากเลยล่ะ ชาวนาชื่นชม มาเป็นการใหญ่ แต่ว่านะ
เมื่อชาวนา มองไปเห็นคว าย หลับอย่างสบายใจ ใต้ต้นไม้ใหญ่ชาวนาก็รู้สึกโมโห จึงเข้าไปต่อว่ามากมาย ว่าเจ้ามันขิ้เกีย จไม่สมควรได้กินข้าวและต่อแต่นี้ไป ให้ไปกินหญ้าแทนข้าวแล้วกัน
ลงโท ษด้วยการให้นอนในคอ ก ที่ชื้นๆ และส่วนหม า เจ้าขยันขันแข็ง ช่วยคนทำนา จึงให้กินอยู่แบบเดียวกับคน อยู่ในบ้านที่อบอุ่นทีนี้เข้าใจยังล่ะ ว่าสาเหตุที่ทำไมควา ย จึงกินหญ้า..ห ม า ได้กินข้าวเพราะในยุคปัจจุบัน
ถ้าเปรียบกับการทำงาน เชื่อว่า หลายๆ ท่านคงพบเจอคนประเภทเดียวกับหม าที่แบบชอบทำงานเอาหน้า ประจบเจ้านาย ชอบพูดมากกว่าลงมือทำเพื่อหวังผลประโยชน์
หรือการได้รับการเลื่อนขั้น ที่ได้ดีกว่าได้รับเงินเดือนมากกว่าคนที่ทำงานหนัก แต่ก็นะมันมีอีกหลายคนที่ทำงานหนักมาก
ซื่อสั ตว์ กับงานที่ทำ ก้มหน้าก้มตาทำหน้าที่ตัวเองให้เต็มที่ โดยไม่ได้คิด เสนอผลงานใดๆ
ฉะนั้น จึงมักถูกเอาเปรียบประจำ หนำซ้ำ ยังถูกมองว่าเป็นคนขิ้เกีย จอีก สังคมทุกวันนี้ อยู่ย ากขึ้นทุกวัน
ขอขอบคุณ G o t o k n o w