บางคนเอาตัวรอดด้วยการเห็นแก่ตัว โดยที่ไม่สนใจว่าคนอื่นจะเดือดร้อนมากน้อยแค่ไหน บางคนเอาตัวรอดด้วยวิธีที่ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน อยู่ที่เราจะเลือกว่าจะใช้วิธีแบบไหนมากกว่า การเอาตัวรอดในสังคมไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่เห็นแก่ตัว
ตอนนี้ก็ต้องยอมรับว่า เรากำลังตกอยู่ในช่วงข้าวยากหมากแพงอย่างแท้จริง แม้แต่สายการบินแห่งชาติของประเทศแถวๆ นี้ที่ได้รับการยอมรับมานานว่าเป็นอันดับหนึ่งด้านการบิน ของประเทศก็น่าจะไม่รอดในอนาคตอันใกล้นี่แล้วล่ะต้องบอกว่า “ความแน่นอนคือสิ่งที่ไม่แน่นอน”
จริงๆ คงไม่ดีแน่ถ้าคุณเอาแต่ “งอมืองอเท้า” ไม่เตรียมรับมือหรือพัฒนา ทักษะใหม่ๆ ที่จะทำให้คุณเอาตัวรอดจากสถานการ ณ์นี้ได้ ไม่มีอะไรแน่นอนอยู่แล้วล่ะ
11 วิถีของคนรู้จัก..เอาตัวรอดเป็น
1 เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม
คนที่ฉลาดมักจะมีความยืดหยุ่น และปรับตัวได้ดีในสถานการณ์ต่างๆ โดยไม่หวั่นไหวกับความไม่ชัดเจนหรือข้อจำกัดใดๆ
มีผลงานวิ จั ย ด้านจิตวิทย า ออกมาสนับสนุนว่า สติปัญญาสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรร มเพื่อรับมือกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป
2 แกล้งโ ง่บ้าง ถึงแม้บางอย่างจะรู้แล้ว แต่จำไว้เสมอว่าความรู้ไม่มีที่สิ้นสุด
ไม่กลัวที่จะพูดว่าฉันไม่รู้ และพร้อมจะเรียนรู้ในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้ เพราะคนที่ไม่ฉลาด จะประเมินความสามารถตัวเองสูงกว่าความเป็นจริง
จากผลการทดลองระบุว่านักเรียนกลุ่มที่ได้คะแนนต่ำที่สุดจากการให้ลอง ทำข้อสอบประเมินคำตอบที่ตัวเองจะตอบถูกได้เพียง 50 เปอร์เซ็นต์
ขณะที่นักเรียนกลุ่มที่ได้คะแนนสูงสุดประเมินได้ ใกล้เคียงกับความเป็นจริงกว่ามาก
3 เรียนรู้ราวกับเป็นนักศึกษาอยู่ตลอดเวลา
อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เคยพูดถึงตัวเองว่าผมไม่ได้มีความสามารถพิเศษอะไร ผมเป็นแค่คนอยากรู้อยากเห็นแค่นั้นเอง
งาน วิ จั ย ตีพิมพ์ปี 2016 ระบุว่าการ ได้เปิดโลกในวัยเด็กสัมพันธ์ กับความสนใจใคร่รู้ในตอนเป็นผู้ใหญ่
4 มองโลกให้กว้างๆ อย่าเป็นคนใจแคบ
คนที่ฉลาดจะไม่ ปิ ด กั้ น ตัวเอง เมื่อมีโอกาสหรือไอเดียใหม่ๆ เข้ามา เขามักจะมองหาทางเลือก
แล้วชั่งน้ำหนักเพื่อหาเหตุผลที่ดีที่สุด คนเหล่านี้จะเ ก ลี ย ดการยอมรับอะไรง่ายๆ
เขาจะหาคำตอบจนกว่า จะมีหลักฐานที่ยืนยันได้จริงๆ เท่านั้น
5 หัดคุยกับตัวเองบ้าง อยู่กับตัวเองบ้าง
คนที่ฉลาดจะมีความเป็นปัจเจก บุคคล ซึ่งคาดเดาได้ว่าพวกเขาอาจใช้เวลาเหล่านั้นขบคิดคำถาม
หรือบางเรื่องที่ตัวเองกำลังสนใจ สัมพันธ์กับในชีวิตจริงที่หลายครั้ง เราเกิดปิ๊งไอเดียขึ้นมาในเวลาที่อยู่คนเดียว
6 มีวินัยในการทำทุกสิ่งทุกอย่าง
ความมีวินัย หรือ ความสามารถ ในการควบคุมตัวเอง Self-Control มีความเกี่ยวข้องกับความฉลาด
จากการศึกษาทดลองในปี 2009 ได้ให้ผู้ร่วมทดลอง เลือกระหว่างการได้รับเงินจำนวนหนึ่งทันที
หรือ รอรับเงินก้อนใหญ่ภายหลัง ปรากฏว่าผู้ร่วมทดลองที่เลือกรอรับเงินก้อนใหญ่
มักจะทำคะแนนในการทดสอบสติปัญญาได้สูงกว่าอีกกลุ่มหนึ่ง
7 มีอารมณ์ขัน และยิ้มแย้มให้ผู้อื่นเสมอ
คนที่มีอารมณ์ขันส่วนใหญ่ มักจะเป็นคนที่ฉลาด มีงานศึกษาชิ้นหนึ่งระบุว่าคนที่ทำคะแนน
การเขียนคำบรรยายการ์ตูนตลกได้สูง เยอะๆ จะเป็นคนที่ฉลาดด้านการใช้ภาษา ขณะที่งานศึกษาอีกชิ้น
ระบุว่า นักแสดงตลกมักจะทำคะแนน ความฉลาดทางด้านภาษาได้สูงกว่าค่าเฉลี่ยของคนทั่วไป
8 เอาใจใส่คนรอบข้าง
คนที่เอาใจใส่ ในเรื่องความต้อง การความรู้สึกของผู้อื่น และทำในสิ่งที่คนเหล่านั้นต้องการ
คือ คนที่ฉลาดทางอารมณ์ ขณะเดียวกันความฉลาดทางอารมณ์ยังหมายถึง ความสนใจที่จะเข้าไปพูดคุยกับผู้คนใหม่ๆ
และพร้อมที่เรียนรู้สิ่งต่างๆ จากคนที่คุยด้วยคอนเนคชั่นที่ดีทำให้คุณอยู่รอดได้ทุกสถานการณ์
คอนเนคชั่นดีหมายถึงคุณก็ต้องดีและทำให้เหล่าคนที่คุณรู้จักไว้วางใจด้วยยามเดือดร้อนหรือยามรุ่งเรือง
เขาจะได้ช่วยเหลือกับสนับสนุนคุณทั้งขึ้นทั้งล่องยังไงล่ะคุณต้องรู้จักเปิดรับสังคมใหม่ๆ
ตั้งแต่วันนี้เลย โดยเฉพาะยามที่เจอกับบุคคลที่มีความรู้ความสามารถและเป็นคนดี
เพื่อนที่ดีและเก่งเพื่อนร่วมงานคุณwาพ ฯลฯ จงอย่าเสียเวลากับคนที่มัวแต่ทำให้คุณไร้สาระไปวันๆ
เพราะมันเสียเวลา เลือกคบคนเอาไว้ดีที่สุด
9 เชื่อมโยงความคิดในเรื่องต่างๆ ได้
คนฉลาดจะมองเห็นในสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น เพราะว่าพวกเขาสามารถ เชื่อมโยงความคิดจากเรื่องที่ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวกันได้
อาทิ คุณคิดว่าซาชิมิกับแตงโมเหมือนกันตรงไหน? คำตอบคือทั้ง 2 อย่างต้องกินตอนที่ ดิบ และ เย็น เหมือนกันถึงจะอร่อย
10 ผัดวันประกันพรุ่ง
คนฉลาดจะผัดวันประกันพรุ่ง จากงานที่ทำประจำวันหรือทำซ้ำๆ ในเวลาที่เขาพบเป้าหมาย
หรือสิ่งที่สำคัญกว่า นักจิตวิทย า กล่าวว่า นี่คือหัวใจของการสร้างสรรค์นวัตกรร มเลยก็ว่าได้
ตัวอย่างเช่น เมื่อ ส ตี ฟ จ็ อ บ ส์ ต้องการหาความเป็นไปได้ใหม่ๆ เขาจะใช้เวลาไป กับการถกเถียง
เพื่อหาไอเดียที่แตกต่างและพร้อมจะหันหลังให้กับไอเดียพื้นๆ หรืออะไรที่คนอื่นๆ ก็สามารถเดาได้
11 ใคร่ครวญกับคำถามยากๆ และมองว่ามันเป็นเรื่องที่ท้าทาย
คนฉลาดมักจะมีคำถาม เกี่ยวกับจักรวาลและความหมายของชีวิต พวกเขามักจะกระวนกระวายกับเรื่องเหล่านี้
ที่อาจจะมีส่วนจริงอยู่บ้าง เพราะปราชญ์ในโลกนี้ล้วนแต่ตั้งคำถามพื้นๆ ที่ว่าชีวิตคืออะไร?
ของแบบนี้ เรามองว่ามันต้องประสบเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ร้ า ย หรือดีจะเกิดการเรียนรู้และแกร่งไปเองโดยอัตโนมัติ
เอาเป็นว่ามองคนอย่ามองด้านเดียว เหรียญมีสองด้าน ฉันท์ใดก็ฉันท์นั้นคนเราก็เช่นกันค่ะ
คนดีที่เราเห็นอาจจะมีมุม ร้ า ย ซ่อนอยู่ เช่นเดียวกับคนที่เรามองไม่ดี ก็อาจมีมุมดีๆ ซ่อนอยู่เช่นกัน
ขึ้นอยู่กับว่าเเต่ละคนจะหันด้านไหนให้เราเห็นค่ะ เพราะฉะนั้นจงมีสติในการมองคนอย่าด่วนตัดสินใจ
บางสิ่งพลาดแล้วแก้ไขได้ แต่บางสิ่งอาจจะไม่มีโอกาสเป็นครั้งที่สองค่ะ
ขอขอบคุณ s i a m e d t a r o