ชีวิตเราในแต่ละวัน ก็เหมือนการเดินทางบนถนนสายหนึ่ง เป็นการเก็บเกี่ยวข้อมูลต่างๆ ข้างทาง ที่เราเดินทางผ่านการเดินทาง ในถนนสายเดิม ๆ ในเส้นทางเดิม ๆ บางครั้งอาจดูน่าเบื่อเจอแต่สภาพแวดล้อมเดิมๆ บ ร ร ย า ก า ศ เดิมๆ ไม่มีอะไรใหม่ให้ตื่นเต้น
เมื่อเจอเส้นทางใหม่ๆ ก็ อ ย า ก ลองค้นหาดู อ ย า ก ลองดูว่าเส้นทางใหม่นั้น สามารถนำพาเราไปสู่จุดหมายปลายทาง ได้ไวขึ้น ถนนดีกว่าเก่า หรือเปล่าแต่ถ้าไม่ใช่ เส้นทางใหม่กลับ เป็นถนนลุกลัง เดินทางเข้าป่าเข้า ขึ้นเขา คดเคี้ยว ย า ก ลำบากละ เราก็ต้องกลับมาใช้เส้นทางเดิมถูกไหม…?
ชีวิตคู่ ก็เหมือนกันกับถนนกลางดึกคืนหนึ่ง มีพระหนึ่งรูป กับโยม คนสนทนากันอยู่ในวัด
โยม : หลวงพ่อครับ ผมแต่งงานมีครอบครัวแล้ว แต่ตอนนี้ไปผู้หญิงอีกคน
ผมตกหลุมรักหญิงสาวคนนั้น ผมจะทำอย่างไรดีครับ
พระ : โยมมั่นใจมั้ยว่าผู้หญิงคนนี้ จะเป็นคนสุดท้าย ที่โยมจะรักตลอดไป
โยม : แน่ใจครับ
พระ : งั้นโยม ก็ต้องเลิกกับ ภ ร ร ย า คนปัจจุบัน แล้วก็ไปขอเธอแต่งงานซะ
โยม : แต่ ภ ร ร ย า คนปัจจุบันของผมก็อบอุ่น ใจดี เป็นคนดีไม่แพ้กัน
ถ้าผมทำอย่างนั้น มันจะไม่เห็นแก่ตัว ไร้ซึ่งคุณธรรมเกินไปหรอครับ
พระ : ในชีวิตการแต่งงาน การไร้ซึ่งความรัก ถึงจะถึอว่าไร้คุณธรรม ตอนนี้โยมรักคนอื่นแล้ว
ไม่ได้รักเขาแล้ว การทำแบบนี้ถือว่าเป็นเรื่องปกติ
โยม : แต่ ภ ร ร ย า ของผมรักผมมาก รักอย่างลึกซึ้งหมดใจด้วย
พระ : งั้นเขาก็มีความสุข
โยม : ผมจะหย่ากับเขา ไปแต่งงานกับคนอื่น เธอต้องรู้สึกทุกข์ ท ร ม า น ถึงจะถูก
ทำไมหลวงพ่อ บอกว่าเธอจะมีความสุขล่ะครับ
พระ : ในชีวิตการแต่งงาน เขายังมีความรัก ให้โยมอยู่ แต่โยมหมดสิ้นความรักต่อเขาแล้ว
ในความเป็นจริงการมีเป็นความสุขการสูญสิ้น เป็นความทุกข์ ดังนั้นคนที่ทุกข์ ท ร ม า น คือโยมตะหาก
โยม : แต่ผม กำลังจะหย่ากับเขาเพื่อไปแต่งงานกับคนอื่น เขากำลังจะเสียผมไป
พระ : โยมผิดแล้ว โยมเป็นแค่รูปธรรมการแสดงความรัก แบบหนึ่งของชีวิตแต่งงาน
เมื่อรูปธรรมนี้หายไป ความรักแท้ของเขา ก็จะเปลี่ยนไปอยู่ที่รูปธรรมอันอื่น
ดังนั้น ความรักแท้ ในชีวิตการแต่งงานของเขาไม่เคย สู ญ เ สี ย ไป
เขาก็เลยมีความสุข ส่วนโยมทุกข์ ท ร ม า น
โยม : เขาเคยบอกว่าชีวิตนี้ รักแต่ผมเท่านั้นเขาจะต้อง ไม่รักคนอื่นแน่ๆ
พระ : แล้วตัวโยมละ… เคยพูดประโยคนนี้มั้ย…? ( พระชี้นิ้วไปที่เทียนแล้วถามต่อ )
เทียนสามเล่มที่ โยมมองเห็น ตอนนี้ เล่มไหนสว่างที่สุด…?
โยม : ผมแยกไม่ออก ดูเหมือนว่าจะสว่างเท่าๆกัน
พระ : เทียนสามเล่มนี้ ก็เปรียบเสมือนผู้หญิง 3 คน หนึ่งในนั้นก็คือหญิงสาวคนที่โยมบอกว่าโยมรักที่สุด
แต่โยมกลับหาเธอไม่เจอ โลกใบนี้กว้างใหญ่ มโหฬาร ผู้คนก็มีมากมาย ผู้หญิงก็มีนับไม่ถ้วน
แค่เทียนสามเล่ม โยมยังหาเล่มที่สว่าง ที่สุดไม่ได้ แล้วโยมจะมั่นใจได้ยังไงว่าเธอคนนี้จะเป็นคนสุดท้ายที่โยมจะรัก
ลองเดินไปหยิบเทียน มาหนึ่งเล่ม วางไว้หน้าโยม แล้วเล่มนั้นก็จะสว่างที่สุด
โยม : แบบนั้นหลวงพ่อ ไม่ต้องบอกผมก็รู้มันอยู่ข้างหน้าสุด อยู่ใกล้ผมมันก็ต้องสว่าง ที่สุดแน่ๆ
พระ : เอามันกลับไปวางไว้ที่เดิม ลองดูใหม่ซิ ว่าเล่มไหนสว่างสุด
โยม : ผมก็ยังดูไม่ออกว่าเล่มไหนสว่างสุด
พระ : ในความเป็นจริงแล้ว เทียนเล่มที่โยมหยิบ มาวางตรงหน้าเมื่อกี้ ก็คือหญิงคนนั้นที่โยมรัก
เมื่อโยมรักเธอ ก็เหมือนเอาเทียนมาวางไว้ ใกล้ๆ มันก็จะถูกดวงตาของโยม ข ย า ย ใหญ่
แต่เมื่อเอากลับไปวางที่เดิม โยมก็จะรู้สึก ว่ามองหาเล่มที่สว่างที่สุดไม่เจอ ความรักที่บอกว่าเป็นรักสุดท้าย
จริงๆ แล้ว ไม่มีจริงหรอกโยม มันก็เป็นแค่ภาพลวงตา ไม่มีจริง
โยม : ผมเข้าใจแล้ว หลวงพ่อไม่ได้บอกให้ผมหย่า เพียงแต่กำลังชี้จุดให้ผมเข้าใจ
พระ : โยมไปเถิด
โยม : ตอนนี้ ผมรู้แล้วว่า ผมควรจะรักใคร ผมแค่เผลอใจไป ชั่ ว ขณะหนึ่ง
เลยทำให้ผมเผลอไป เพ่งมองเทียนเล่มอื่น ทั้งที่จริงแล้ว เทียนที่สว่างสุด เขาก็คือ ภ ร ร ย า ของผมนั่นเอง
พระ : เจริญพร…
ขอขอบคุณ l i e k r